Posted on

ทำไมเนื้อแปรรูปถึงอันตราย? องค์การอนามัยโลก(WHO) ชี้ “ไม่มีปริมาณที่ปลอดภัย”

งานวิจัยล่าสุดจากองค์กรด้านสุขภาพระดับโลกย้ำว่า “ไม่มีปริมาณการบริโภคเนื้อแปรรูปใดที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ” โดยเนื้อแปรรูป เช่น เบคอน ไส้กรอก แฮม และซาลามี ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสารก่อมะเร็งระดับ 1 (Group 1 carcinogen) ตามการจัดอันดับของ องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) ซึ่งหมายความว่ามีหลักฐานชัดเจนว่าเนื้อแปรรูปเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก

🚨 ข้อมูลสำคัญจากหน่วยงานภาครัฐและสาธารณสุข

  • WHO/IARC ระบุว่า การบริโภคเนื้อแปรรูปเพียง 50 กรัมต่อวัน (ประมาณ 2 แผ่นเบคอน) จะเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้ใหญ่ประมาณ 18%
    ที่มา: WHO – Carcinogenicity of the consumption of red meat and processed meat
  • American Cancer Society (ACS) ชี้ว่า “ไม่ทราบว่ามีระดับการบริโภคเนื้อแปรรูปใดที่ปลอดภัย” และแนะนำให้รับประทานโปรตีนจากพืชหรืออาหารทะเลแทน
    ที่มา: American Cancer Society – Diet and Physical Activity Guidelines

📊 ผลการศึกษาเพิ่มเติม

  • งานวิจัยขนาดใหญ่ในสหราชอาณาจักร ที่ศึกษากว่า 500,000 คน พบว่าการบริโภคเนื้อแปรรูปเฉลี่ย 79 กรัม/วัน เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ขึ้น 32% เมื่อเทียบกับผู้ที่บริโภคเพียง 11 กรัม/วัน
    ที่มา: Cancer Research UK
  • เมตา-วิเคราะห์จาก 148 งานวิจัย พบว่า การบริโภคเนื้อแปรรูปเพิ่มความเสี่ยงต่อ:
    • มะเร็งเต้านม 6%
    • มะเร็งลำไส้ใหญ่ 18%
    • มะเร็งปอด 12%
      ที่มา: International Journal of Cancer
  • การบริโภคเนื้อแปรรูปยังเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ เบาหวานชนิดที่ 2 และสโตรกอย่างมีนัยสำคัญ

🔥 ทำไมเนื้อแปรรูปถึงอันตราย?

เนื้อแปรรูปมักผ่านกระบวนการบ่ม (curing) รมควัน หรือใส่สารกันเสีย เช่น ไนเตรต (nitrates) และ ไนไตรต์ (nitrites) เมื่อปรุงด้วยความร้อนสูง จะเกิดสารก่อมะเร็ง เช่น ไนโตรซามีน (nitrosamines) และ เฮเทอโรไซคลิกเอมีน (HCAs) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการอักเสบและความเสียหายต่อ DNA

✅ ข้อแนะนำเพื่อสุขภาพ

  • ลดหรือหลีกเลี่ยงเนื้อแปรรูป เช่น เบคอน ไส้กรอก และแฮม
  • หากต้องการบริโภคเนื้อแดง ควรจำกัดไม่เกิน 350–500 กรัมต่อสัปดาห์
  • เลือกแหล่งโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ปลา ไก่ ถั่ว และธัญพืช

World Cancer Research Fund (WCRF) และ American Institute for Cancer Research (AICR) ย้ำว่า “ควรเลี่ยงเนื้อแปรรูปให้มากที่สุด”

📌 สรุป

ไม่มีปริมาณการบริโภคเนื้อแปรรูปที่ปลอดภัย เพราะแม้เพียงเล็กน้อยก็เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง โดยเฉพาะมะเร็งและโรคหัวใจ ผู้บริโภคจึงควรหันมาทานอาหารที่มีโปรตีนจากพืชและแหล่งอาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูปมากขึ้น เพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน.

📖 แหล่งอ้างอิง

  1. WHO – Carcinogenicity of the consumption of red meat and processed meat
  2. American Cancer Society – Diet and Physical Activity Guidelines
  3. Cancer Research UK – How does processed meat cause cancer?
  4. International Journal of Cancer – Meta-analysis of processed meat consumption

Posted on

โปรตีนจากพืชและโปรตีนจากสัตว์มีข้อดีข้อเสียอย่างไร

โปรตีนจากสัตว์และโปรตีนจากพืชเป็นสองประเภทของโปรตีนสำคัญที่มนุษย์รับประทานเพื่อสนับสนุนสุขภาพและเจริญเติบโตของอวัยวะต่างๆ โปรตีนมีหน้าที่สำคัญในการให้พลังงานแก่ร่างกาย มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโต และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในอวัยวะต่างๆ โปรตีนประกอบด้วยกรดอะมิโนหลายชนิด โดยกรดอะมิโนบางชนิดร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขี้นมาเองได้ จึงต้องได้รับจากการรับประทานอาหารเท่านั้น.

โปรตีนจากสัตว์ (Animal Protein)

โปรตีนจากสัตว์เป็นโปรตีนสมบูรณ์ มีกรดอะมิโนที่ร่างกายต้องการครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งไข่ น้ำนม และอกไก่ เป็นแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพดีและให้คุณค่าทางสารอาหารครบถ้วน อย่างไรก็ตาม โปรตีนจากสัตว์อาจมีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว.

โปรตีนจากพืช (Plant-based Protein)

โปรตีนจากพืชเป็นโปรตีนสะอาดไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย ดูดซึมง่าย โปรตีนจากพืชมีไขมันอิ่มตัวต่ำ ไม่มีคอเลสเตอรอล มีใยอาหารสูง และมีแคลอรี่น้อยกว่าโปรตีนจากสัตว์ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก โปรตีนจากพืชสามารถพบได้ในพืชหลายชนิด เช่น ถั่ว ธัญพืช ผักใบเขียว และงาดำ ซึ่งหลายชนิดเหล่านี้มีโปรตีนที่สมบูรณ์และให้คุณค่าทางสารอาหารครบถ้วน.

ความแตกต่างระหว่างโปรตีนจากสัตว์และโปรตีนจากพืช

โปรตีนจากสัตว์เป็นโปรตีนสมบูรณ์ มีกรดอะมิโนที่ร่างกายต้องการครบถ้วน แต่โปรตีนจากพืชส่วนใหญ่เป็นโปรตีนไม่สมบูรณ์ มีชนิดและปริมาณของกรดอะมิโนที่จำเป็นไม่ครบถ้วน อย่างไรก็ตาม โปรตีนจากพืชสามารถทาน ควินัว (Quinoa) และถั่วเหลือง เพิ่มเติมได้เพราะเป็นพืชผักที่มีโปรตีนที่สมบูรณ์.

การเลือกโปรตีน

เมื่อเลือกโปรตีนจากสัตว์ ควรเลือกที่ไม่ใช่ยาปฏิชีวนะ วัคซีน ฮอร์โมน ในกระบวนการเลี้ยงสัตว์ และเมื่อเลือกโปรตีนจากพืช ควรเลือกจากแหล่งปลูกที่ไม่ใช่สารเคมี.

การรับประทานโปรตีน

โปรตีนจากสัตว์และโปรตีนจากพืชควรได้รับจากการรับประทานอาหารอย่างสมดุล และควรเลือกแหล่งที่มาของโปรตีนนั้นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงสารเคมีและสารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ.

แนะนำผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

MERRY แพลนท์ โปรตีน รสมิกซ์เบอร์รี่ 1,050 กรัม

คลิกเข้าดูสินค้าและโปรโมชั่น

MERRY แพลนท์ โปรตีน รสนมสตรอว์เบอร์รี 1,050 กรัม

คลิกเข้าดูสินค้าและโปรโมชั่น

Nifta โปรตีนถั่วลันเตา 100% ชนิดผง บรรจุ 400 กรัม

คลิกเข้าดูสินค้าและโปรโมชั่น


References:

  • https://www.lemonfarm.com/en/blog/alternative-plant-base-protein-vs-animal-protein.html
  • https://www.bangkoklife.com/emagazinehappylife/Issue/2563/35/EatAmAre/57
  • https://www.sanook.com/health/25523/