
โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ กำลังสร้างความสนใจด้วยแนวคิดการขยายอาณาเขตของสหรัฐ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะเป็นดีลที่เทียบได้กับการซื้อดินแดนหลุยเซียนาจากฝรั่งเศส หรือการซื้ออะแลสกาจากรัสเซียในอดีต
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์กระตุ้นความไม่พอใจของเจ้าหน้าที่แคนาดาด้วยการพูดถึงแนวคิดรวมแคนาดาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐ พร้อมข่มขู่ที่จะยึดคลองปานามา ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือที่สหรัฐสร้างขึ้นแต่ได้ส่งมอบให้ปานามาควบคุมตั้งแต่ปี 1999 นอกจากนี้ เขายังรื้อฟื้นแผนซื้อกรีนแลนด์ ดินแดนในความดูแลของเดนมาร์ก ซึ่งเขาเคยแสดงความสนใจในสมัยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งแรก
ขยายดินแดนแบบยุค “เสี่ยงโชค” ที่เคยปรากฏในอดีต
ทรัมป์กล่าวว่า การเป็นเจ้าของกรีนแลนด์เป็น “สิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง” เพื่อความมั่นคงและเสรีภาพทั่วโลก พร้อมระบุว่าคลองปานามาเป็น “ทรัพย์สินแห่งชาติที่สำคัญ” แม้สหรัฐจะไม่ได้ควบคุมมานานหลายทศวรรษ ทรัมป์ยังคงผลักดันนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ที่สะท้อนถึงอุดมการณ์การขยายดินแดนของสหรัฐในศตวรรษที่ 19
ปานามาปฏิเสธเสียงแข็ง
ประธานาธิบดี โฆเซ ราอูล มูลิโน ของปานามา โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียยืนยันว่า คลองปานามาเป็นสมบัติของปานามาและ “ไม่สามารถเจรจาต่อรองได้” โดยระบุว่าคลองปานามาซึ่งปานามาควบคุมมากว่า 25 ปี ได้สร้างรายได้มหาศาลให้กับเศรษฐกิจของประเทศ
ทรัมป์ตอบโต้ด้วยการโพสต์ภาพและข้อความในโซเชียลมีเดียที่ย้ำจุดยืน พร้อมล้อเลียนปานามาด้วยคำว่า “ยินดีต้อนรับสู่คลองของสหรัฐ”
กรีนแลนด์ยืนยัน “ไม่ขาย”
ในส่วนของกรีนแลนด์ นายกรัฐมนตรี มูเต เอกเกเด ของกรีนแลนด์ประกาศผ่านเฟซบุ๊กว่า “กรีนแลนด์เป็นของเรา และจะไม่ขายเด็ดขาด” ขณะที่นายกรัฐมนตรีเมท เฟรเดอริกเซนของเดนมาร์กเคยเรียกแนวคิดนี้ว่า “ไร้สาระ” และยืนยันว่ากรีนแลนด์ไม่เปิดขายแต่พร้อมร่วมมือทางการเมืองกับสหรัฐ
แคนาดากลายเป็นเป้าหมายหยอกล้อ
แนวคิดการผนวกแคนาดาดูเหมือนจะเป็นเพียงการยั่วเย้าผู้นำแคนาดา จัสติน ทรูโด หลังจากที่ทั้งสองคนร่วมรับประทานอาหารค่ำที่มารา-ลาโก อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังใช้โซเชียลมีเดียโพสต์ข้อความสนับสนุนแนวคิดดังกล่าวเพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้ติดตาม
กลยุทธ์ต่อรองแบบทรัมป์
แนวทางของทรัมป์สะท้อนกลยุทธ์การต่อรองที่ดุดัน โดยใช้คำพูดและการกระทำกระตุ้นให้ประเทศเป้าหมายต้องเจรจากับสหรัฐ ในกรณีของแคนาดาและเม็กซิโก เขาใช้การขู่เรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% เพื่อดึงผู้นำทั้งสองประเทศมาหารือเรื่องความมั่นคงชายแดน ซึ่งเป็นความสำเร็จในสายตาของทีมทรัมป์
แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าแนวคิดเหล่านี้จะนำไปสู่การดำเนินการจริงหรือเป็นเพียงคำพูดเพื่อสร้างกระแส แต่ก็แสดงให้เห็นถึงท่าทีและวิธีการเจรจาที่ไม่เหมือนใครของทรัมป์ที่ยังคงสร้างความสนใจและความขัดแย้งในเวทีการเมืองโลก.