Posted on

🌋งานวิจัยใหม่ชี้ ภูเขาไฟปะทุเมื่อ 700 ปีก่อนอาจเป็นต้นเหตุของกาฬโรค

นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์และคณะวิจัยนานาชาติได้เปิดเผยหลักฐานใหม่ในวารสาร Communications Earth & Environment ที่สร้างความตื่นตะลึงในวงการประวัติศาสตร์และธรณีวิทยา งานวิจัยนี้เสนอว่า “การปะทุของภูเขาไฟขนาดใหญ่เมื่อราว ค.ศ. 1345” อาจเป็นต้นเหตุสำคัญที่นำไปสู่การระบาดของ กาฬโรค (Black Death) ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนกว่า 1 ใน 3 ของยุโรปในช่วงปี ค.ศ. 1347–1351

นักวิจัยพบหลักฐานว่าการปะทุของภูเขาไฟครั้งนั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศอย่างรุนแรง — อุณหภูมิลดลง ฝนตกชุก และทำให้ผลผลิตอาหารในยุโรปล่มสลาย เป็นเหตุให้เกิด “ภาวะอดอยาก” จนหลายเมืองในอิตาลีต้องนำเข้าข้าวจากบริเวณ ทะเลดำ (Black Sea) ซึ่งนั่นอาจเป็นเส้นทางที่เชื้อกาฬโรคเดินทางเข้ามาสู่ยุโรปโดยไม่รู้ตัว


🧭 เหตุการณ์ธรรมชาติที่ส่งผลต่อประวัติศาสตร์

งานวิจัยอธิบายว่าหลังจากภูเขาไฟปะทุในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 ละอองซัลเฟตจำนวนมหาศาลได้ลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ทำให้แสงอาทิตย์สะท้อนกลับออกไป ส่งผลให้โลกลดอุณหภูมิลงหลายปีติดต่อกัน

สภาพอากาศที่หนาวและชื้นกว่าปกติทำให้ผลผลิตธัญพืชในยุโรปโดยเฉพาะแถบอิตาลีตกต่ำ เมืองท่าจึงต้องนำเข้าข้าวจากภูมิภาคทะเลดำเพื่อเลี้ยงประชากร ทว่าเรือสินค้าข้าวเหล่านั้นกลับเป็นพาหะที่นำหมัดและหนูซึ่งติดเชื้อ เยอร์ซิเนีย เพสติส (Yersinia pestis) มาด้วย และนี่คือจุดเริ่มต้นของ “กาฬโรค” ที่แพร่กระจายไปทั่วทวีปในเวลาไม่นาน


🌲 หลักฐานจากธรรมชาติ: วงปีไม้และแกนน้ำแข็ง

นักวิทยาศาสตร์ใช้เทคนิคการศึกษาสภาพภูมิอากาศในอดีต (Paleoclimate) ด้วยการวิเคราะห์ วงปีไม้ (Tree rings) และ แกนน้ำแข็ง (Ice cores) ซึ่งเป็นบันทึกธรรมชาติของอุณหภูมิและสารเคมีในอดีต

  • วงปีไม้จากภูเขาในสเปนและยุโรปใต้มี “รอยสีน้ำเงิน” ที่บ่งบอกถึงฤดูร้อนที่หนาวเย็นและเปียกชื้นต่อเนื่องในช่วง ค.ศ. 1345–1347
  • ขณะเดียวกัน แกนน้ำแข็งจากกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกก็ตรวจพบ “ยอดซัลเฟต” สูงผิดปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณตรงของการปะทุของภูเขาไฟขนาดใหญ่

ข้อมูลทั้งสองสอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์ และชี้ว่า “เหตุภูเขาไฟครั้งใหญ่นี้” มีผลโดยตรงต่อภูมิอากาศยุโรปและเศรษฐกิจในยุคนั้น


🌾 การค้าข้าวจากทะเลดำ: ประตูเปิดรับเชื้อโรคร้าย

เมื่อยุโรปประสบภาวะขาดแคลนอาหาร เมืองท่าของอิตาลีอย่าง เจนัว (Genoa) และ เวนิส (Venice) ได้หันไปพึ่งเส้นทางการค้าทางทะเลดำ ซึ่งติดต่อกับดินแดนเอเชียกลางและคอเคซัส

เรือสินค้าที่บรรทุกข้าวจากภูมิภาคนั้นมาถึงยุโรปพร้อมกับ “ผู้โดยสารที่ไม่มีใครต้องการ” — หมัดและหนูที่ติดเชื้อกาฬโรค เมื่อเรือเหล่านี้จอดเทียบท่าในอิตาลีและฝรั่งเศสตอนใต้ เชื้อโรคจึงแพร่ไปในเวลาอันรวดเร็ว


🧬 เชื้อกาฬโรคคืออะไร?

กาฬโรคเกิดจากแบคทีเรียชื่อ เยอร์ซิเนีย เพสติส (Yersinia pestis) ซึ่งอาศัยอยู่ในหมัดและหนู การติดเชื้อสามารถแพร่จากสัตว์สู่คนผ่านการถูกกัด หรือในบางกรณีอาจแพร่ผ่านละอองฝอยจากผู้ติดเชื้อ

ในยุคกลาง ระบบสุขาภิบาลยังไม่พัฒนา และเมืองต่าง ๆ มีประชากรหนาแน่น การแพร่กระจายของเชื้อจึงรวดเร็วและรุนแรงจนกลายเป็นการระบาดใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ


🌋 ภูเขาไฟลูกใดกันแน่ที่เป็นต้นเหตุ?

แม้งานวิจัยจะยังไม่สามารถระบุชื่อภูเขาไฟได้แน่ชัด แต่หลักฐานซัลเฟตและวงปีไม้ชี้ว่าการปะทุน่าจะเกิดในละติจูดต่ำ เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีประวัติภูเขาไฟขนาดใหญ่หลายลูก เช่น ภูเขาซามาลัส (Samalas) ที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเคยปะทุครั้งใหญ่ใน ค.ศ. 1257 และส่งผลต่อภูมิอากาศโลกยาวนานหลายปี


🧩 หลักฐานสนับสนุนจากหลายสถาบัน

  • งานวิจัยหลักเผยแพร่ใน Communications Earth & Environment (Nature Portfolio) ปี 2025
  • สรุปโดยมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cambridge)
  • รายงานเพิ่มเติมใน Science Magazine, The Washington Post, National Geographic และ Live Science

ทั้งหมดสนับสนุนแนวคิดว่า การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศจากภูเขาไฟปะทุมีผลทางอ้อมต่อการเกิดโรคระบาดในยุคกลาง


🧠 บทเรียนสำคัญสำหรับโลกยุคปัจจุบัน

เหตุการณ์นี้เตือนเราว่า ระบบธรรมชาติ เศรษฐกิจ และสุขภาพของมนุษย์มีความเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง เหตุภูเขาไฟเพียงครั้งเดียวอาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และสุขภาพระดับโลกได้

ในยุคปัจจุบันที่มี การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) และ การค้าโลกที่ซับซ้อน, บทเรียนจากกาฬโรคจึงเตือนให้ทุกประเทศเตรียมพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหารและโรคอุบัติใหม่


🧾 แหล่งอ้างอิงทางวิชาการ

  1. Bauch, M. & Büntgen, U. (2025). Climate-driven changes in Mediterranean grain trade mitigated famine but introduced the Black Death to medieval Europe. Communications Earth & Environment.
  2. University of Cambridge. Volcanic eruptions set off a chain of events that brought the Black Death to Europe.
  3. Science Magazine. Medieval volcano may have indirectly sparked Europe’s Black Death.
  4. National Geographic และ The Washington Post — รายงานข่าววิทยาศาสตร์สาธารณะเกี่ยวกับการศึกษานี้

🏛️ แหล่งข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐ

  • กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม – ข้อมูลภูเขาไฟในประเทศไทย
  • กรมอุตุนิยมวิทยา (ประเทศไทย) – ข้อมูลสภาพภูมิอากาศและอุณหภูมิโลก
  • องค์การสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐอเมริกา (USGS) – ฐานข้อมูลภูเขาไฟทั่วโลก
  • ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) – ข้อมูลโรคติดต่อและโรคจากสัตว์สู่คน
  • องค์การอนามัยโลก (WHO) – ข้อมูลด้านโรคติดต่ออุบัติซ้ำ

⚠️ หมายเหตุสำคัญสำหรับผู้อ่านเว็บไซต์

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เชิงวิชาการในลักษณะข่าวสารเพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาเพื่อชี้ชวนให้เชื่อในทฤษฎีใดเป็นข้อสรุปแน่นอน ข้อมูลทั้งหมดอ้างอิงจากงานวิจัยและรายงานของสถาบันทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการตีพิมพ์อย่างเป็นทางการ ผู้สนใจควรติดตามข้อมูลอัปเดตจากแหล่งข้อมูลต้นฉบับ เช่น วารสารวิชาการ Communications Earth & Environment, มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์, และหน่วยงานรัฐด้านภูมิอากาศและธรณีวิทยา เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติมในเชิงลึกต่อไป.