Posted on

งานที่ทำส่งผลต่อใจ! เผยอาชีพที่เสี่ยงภาวะซึมเศร้าและเครียดเรื้อรังสูงสุด

งานวิจัยขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาเผยว่า ความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตของคนทำงานแตกต่างกันไปตามอุตสาหกรรมและประเภทของอาชีพ โดยเฉพาะอาชีพในกลุ่มบริการ ร้านอาหาร สื่อบันเทิง และดูแลสุขภาพ มีแนวโน้มเผชิญกับภาวะซึมเศร้า ความเครียดเรื้อรัง และภาวะทุกข์อย่างรุนแรงมากกว่ากลุ่มอาชีพอื่น ๆ

ความเครียดไม่เท่ากันในแต่ละสายงาน

การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจากโครงการสำรวจสุขภาพประชากร Behavioral Risk Factor Surveillance System (BRFSS) ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างกว่า 536,000 คน ใน 37 มลรัฐของสหรัฐฯ ช่วงปี 2015–2019 โดยเน้นเฉพาะกลุ่มแรงงานวัยผู้ใหญ่ที่มีงานทำ

ผลการสำรวจพบว่า:

  • 14.2% ของแรงงานทั้งหมดเคยได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะซึมเศร้า
  • 9.6% มีความเครียดเรื้อรัง (Frequent Mental Distress – FMD)
  • 4.1% เผชิญกับภาวะทุกข์อย่างรุนแรงในช่วง 30 วันที่ผ่านมา
  • ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้ารายงานว่าในหนึ่งเดือนมี “วันที่รู้สึกไม่ดีทางจิตใจ” (MUD) เฉลี่ย 9.5 วัน เทียบกับ 2.2 วัน ในกลุ่มที่ไม่มีภาวะนี้

สายงานบริการและสื่อมีแนวโน้มเสี่ยงสูง

เมื่อวิเคราะห์ตามสายอาชีพ พบว่ากลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่:

  • งานบริการอาหารและเครื่องดื่ม
  • งานดูแลสุขภาพ
  • งานศิลปะ บันเทิง และสื่อ
  • พนักงานขาย และบริการลูกค้า

กลุ่มเหล่านี้รายงานระดับภาวะซึมเศร้าและความเครียดสูงกว่าค่าเฉลี่ยของแรงงานทั่วไป โดยเฉพาะอาชีพในภาคบริการและร้านอาหารซึ่งมีภาวะ “ทุกข์รุนแรง” สูงถึง 6.8%

ปัจจัยเสี่ยงด้านประชากร

นอกจากอาชีพแล้ว ปัจจัยประชากรที่สัมพันธ์กับสุขภาพจิต ได้แก่:

  • เพศหญิง มีภาวะซึมเศร้ามากกว่าเพศชายเกือบ 2 เท่า
  • ผู้มีอายุ 18–34 ปี มีแนวโน้มเครียดและซึมเศร้าสูงที่สุดในทุกช่วงวัย
  • ผู้ที่ไม่มีคู่ และ ไม่มีประกันสุขภาพ เผชิญกับความเครียดและภาวะทุกข์ในระดับที่สูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ อย่างชัดเจน

กลุ่มงานแรงงานหนักกลับรายงานสุขภาพจิตต่ำ แต่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูง

น่าสังเกตว่าแม้อาชีพในภาคแรงงาน เช่น เหมืองแร่, การก่อสร้าง และ เกษตรกรรม รายงานภาวะซึมเศร้าต่ำกว่ากลุ่มอื่น ๆ แต่อุตสาหกรรมเหล่านี้กลับมีอัตราการฆ่าตัวตายของผู้ชายสูงที่สุดในประเทศ สะท้อนความเป็นไปได้ว่ากลุ่มนี้อาจไม่เข้าถึงบริการสุขภาพจิตเพราะอุปสรรคด้านสถานที่ การรับรู้ หรือความอับอายจากสังคม.

ทางออกที่ควรพิจารณา

ผู้วิจัยชี้ว่าผลลัพธ์นี้เน้นย้ำความจำเป็นในการจัดการปัจจัยเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมในการทำงาน โดยอาจนำแนวทางของ NIOSH Total Worker Health ซึ่งผสานสุขภาพกายและใจเข้ากับนโยบายแรงงาน มาใช้เพื่อลดผลกระทบเชิงจิตใจของแรงงานในแต่ละกลุ่มอาชีพ.

แหล่งที่มา:
Sussell AL, et al. US Workers’ Self-Reported Mental Health Outcomes by Industry and Occupation. JAMA Network Open. 2025;6(6):e2514212. doi:10.1001/jamanetworkopen.2025.14212