Posted on

งานวิจัยใหม่เผย: AI ช่วยคัดกรองมะเร็งเต้านมแม่นยำขึ้น แม้ในกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลาย

งานวิจัยล่าสุดจากประเทศแคนาดาเผยว่า แบบจำลองปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ใช้ภาพแมมโมแกรมย้อนหลังถึง 4 ปี ช่วยประเมินความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงหลากหลายเชื้อชาติ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของการวางแผนคัดกรองและป้องกันมะเร็งเต้านมในระดับปัจเจก

วิเคราะห์ภาพแมมโมแกรมหลายปี เพิ่มความแม่นยำ

การศึกษานี้วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้หญิงกว่า 206,000 คน อายุระหว่าง 40–74 ปี ที่เข้าร่วมโครงการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมในรัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ตั้งแต่ปี 2013–2019 โดยใช้ภาพแมมโมแกรมดิจิทัลทั้งภาพปัจจุบันและภาพย้อนหลังในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เพื่อประเมินความเสี่ยงเกิดมะเร็งภายใน 5 ปี

ผลการวิจัยพบว่า แบบจำลอง AI ที่ใช้ภาพย้อนหลัง (dynamic model) มีค่า AUROC (ค่าชี้วัดความแม่นยำของโมเดล) เท่ากับ 0.78 ซึ่งถือว่าแม่นยำสูงกว่าการใช้เพียงภาพปัจจุบันเพียงภาพเดียว (AUROC = 0.71) อย่างมีนัยสำคัญ

ใช้ได้กับทุกเชื้อชาติ – ลดความเหลื่อมล้ำ

ที่สำคัญ แบบจำลองนี้สามารถใช้ได้กับสตรีทุกเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็นหญิงผิวขาว เอเชียใต้ เอเชียตะวันออก หรือชนพื้นเมือง โดยมีค่า AUROC ใกล้เคียงกัน (อยู่ระหว่าง 0.75–0.80) แสดงให้เห็นว่าโมเดลนี้มีความแม่นยำและเป็นธรรมในทุกกลุ่มประชากร

สะดวก ไม่ต้องใช้ข้อมูลสุขภาพหรือพันธุกรรม

ต่างจากโมเดลดั้งเดิมที่ต้องอาศัยข้อมูลเชิงคลินิก เช่น ประวัติครอบครัว ความหนาแน่นของเต้านม หรือคะแนนพันธุกรรม แบบจำลองใหม่นี้ใช้เพียงภาพแมมโมแกรมที่มีอยู่แล้ว จึงสามารถนำไปใช้ในระบบบริการสุขภาพได้ง่ายขึ้น ลดภาระของแพทย์และผู้ป่วย

ศักยภาพสู่การแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine)

ด้วยความแม่นยำในการคาดการณ์ความเสี่ยงภายใน 5 ปี และความสามารถในการประเมินผู้ที่มีความเสี่ยงสูง (มากกว่า 3%) แบบจำลองนี้จึงสามารถใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการกำหนดแนวทางป้องกัน เช่น การตรวจถี่ขึ้น หรือใช้ยาต้านฮอร์โมนในกลุ่มเสี่ยงสูง

ข้อสังเกตและข้อจำกัด

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ยังใช้ข้อมูลย้อนหลังได้เพียง 4 ปี เนื่องจากข้อจำกัดของระบบดิจิทัลที่เพิ่งเริ่มใช้ในปี 2013 และยังไม่มีการผสานข้อมูลทางพันธุกรรมซึ่งอาจช่วยเพิ่มความแม่นยำได้อีกในอนาคต

บทสรุป

การใช้ AI วิเคราะห์ภาพแมมโมแกรมย้อนหลังหลายปี ช่วยยกระดับการประเมินความเสี่ยงมะเร็งเต้านมอย่างแม่นยำและทั่วถึงในผู้หญิงหลากหลายเชื้อชาติทั่วโลก งานวิจัยนี้เป็นก้าวสำคัญสู่การแพทย์เชิงป้องกันเฉพาะบุคคล และเป็นเครื่องมือที่พร้อมนำไปประยุกต์ใช้จริงในระบบบริการสุขภาพ.

แหล่งที่มา:
Jiang S, et al. Validation of a Dynamic Risk Prediction Model Incorporating Prior Mammograms in a Diverse Population. JAMA Network Open. 2025;6(6):e2512681. doi:10.1001/jamanetworkopen.2025.12681

Posted on

ผู้หญิงที่ใช้เฮโรอีนในแทนซาเนีย เสี่ยงติดเชื้อ HIV สูงขึ้น หากเคยถูกจำคุก – งานวิจัยเตือนถึงปัญหาเรื้อรังในระบบยุติธรรม

ถูกจำคุกแล้วเสี่ยงติดเชื้อ HIV มากขึ้น – เสียงเตือนจากแอฟริกา

งานวิจัยใหม่จากวารสาร JAMA Network Open เผยให้เห็นว่าผู้หญิงที่ใช้เฮโรอีนในเมืองดาร์เอสซาลาม ประเทศแทนซาเนีย ที่เคยถูกจำคุกเมื่อไม่นานมานี้ มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อการติดเชื้อ HIV และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ อย่างมาก

งานวิจัยนี้ศึกษาผู้หญิง 195 คนที่ใช้เฮโรอีน พบว่ามากกว่าครึ่งหนึ่ง (61%) เคยถูกจำคุกในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งกลุ่มนี้มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น มีคู่นอนหลายคน ใช้สารเสพติดหลายประเภท และเคยเสพยาเกินขนาดมากกว่าผู้หญิงที่ไม่เคยถูกจำคุก

ชีวิตหลังคุก: เสี่ยงทั้งโรค ทั้งสังคมตีตรา

นอกจากพฤติกรรมเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ HIV แล้ว ผู้หญิงที่เคยถูกจำคุกยังต้องเผชิญกับปัญหาอื่น ๆ ได้แก่:

  • ถูกทำร้ายร่างกายหรือทางเพศ
  • เป็นโรควิตกกังวลในระดับรุนแรง
  • ถูกดูถูกหรือปฏิบัติไม่ดีจากครอบครัวและบุคลากรสาธารณสุข
  • ขาดการเข้าถึงการรักษา HIV อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังพ้นโทษ

งานวิจัยยังพบว่า ผู้หญิงที่ติดเชื้อ HIV และเคยถูกจำคุก มีโอกาสสูงถึง 10 เท่า ที่จะหยุดการรักษา HIV เทียบกับผู้ที่ไม่เคยถูกจำคุก

เหตุใดการจำคุกจึงเป็นจุดเสี่ยง?

ในแทนซาเนีย การใช้เฮโรอีนและการค้าประเวณีเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ผู้หญิงที่มีปัญหายาเสพติดมักถูกจับกุมบ่อย และระบบเรือนจำมีข้อจำกัดมาก เช่น:

  • ไม่มีการแจกถุงยางอนามัย
  • เข้าถึงการรักษา HIV ยาก
  • ขาดบริการบำบัดยาเสพติดในเรือนจำ

การถูกจำคุกจึงกลายเป็น “จุดเปลี่ยน” ที่ทำให้ผู้หญิงเหล่านี้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV และกลับไปใช้ยาอีกครั้งหลังพ้นโทษ

คำแนะนำเชิงนโยบายและสาธารณสุข

นักวิจัยเสนอแนวทางเพื่อช่วยลดปัญหานี้ เช่น:

  • เบี่ยงเบนผู้เสพยาไม่ให้เข้าสู่เรือนจำ แต่ให้เข้ารับการบำบัดแทน
  • ขยายบริการสุขภาพในเรือนจำ โดยเฉพาะบริการเมทาโดนและการรักษา HIV
  • ดูแลต่อเนื่องหลังพ้นโทษ เช่น การจัดกลุ่มสนับสนุนในชุมชน และการติดตามด้านสุขภาพ
  • ส่งเสริมบริการจิตวิทยา เช่น การบำบัดพฤติกรรม เพื่อช่วยให้ผู้หญิงที่เคยถูกจำคุกสามารถรับมือกับความเครียดและอดีตที่กระทบใจได้ดีขึ้น

ข้อสรุป

งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่า การจำคุกไม่ใช่แค่เรื่องของความผิดทางกฎหมาย แต่มีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้หญิงที่ใช้เฮโรอีนในหลายมิติ ทั้งกาย ใจ และสังคม หากไม่มีการแก้ไขในระดับนโยบาย สังคมจะต้องแบกรับผลกระทบจากปัญหา HIV ที่รุนแรงขึ้นในกลุ่มผู้หญิงที่เปราะบางที่สุด


แหล่งที่มา :
Atkins K, Mushi D, Konda J, et al. Recent Incarceration and HIV Risk Among Women Who Use Heroin. JAMA Network Open. 2025;8(1):e2454455. doi:10.1001/jamanetworkopen.2024.54455