Posted on

ตัวเลขสำคัญที่อาจส่งผลรุนแรง: วิเคราะห์โรคความดันโลหิตสูงจากงานวิจัยทั่วโลก

(ภาพประกอบ)

ความดันโลหิตสูง (Hypertension) เป็นภาวะสุขภาพที่คนไทยจำนวนมากมองข้าม โดยเฉพาะในระยะเริ่มต้นที่มักไม่แสดงอาการใด ๆ แต่ผลกระทบที่ตามมาอาจรุนแรงและคุกคามชีวิตอย่างไม่ทันตั้งตัว ทั้งโรคหัวใจ ไตเสื่อม และหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก

ตัวเลขสำคัญ: ความดันเท่าไรถึงเรียกว่า “สูง”?

องค์การอนามัยโลก (WHO) และแนวทางของสมาคมโรคหัวใจอเมริกัน (AHA) ระบุว่า ความดันโลหิตปกติควรอยู่ที่ ต่ำกว่า 120/80 mmHg หากค่าความดันอยู่ที่ 130/80 mmHg ขึ้นไป จัดว่าเป็นภาวะความดันโลหิตสูงระดับเริ่มต้น และหากปล่อยไว้โดยไม่รักษา ค่าความดันที่สูงเกิน 140/90 mmHg อาจนำไปสู่ความเสี่ยงรุนแรงต่ออวัยวะสำคัญหลายระบบ

ในรายงานจาก JAMA (2021) พบว่า ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงโดยไม่ได้รับการควบคุมมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองมากขึ้นถึง 4 เท่า และเสี่ยงต่อโรคหัวใจล้มเหลวถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับผู้ที่มีความดันโลหิตอยู่ในระดับปกติ (Whelton PK et al., 2021)

อาหารแบบไหนที่ต้องระวัง?

อาหารมีบทบาทสำคัญในการควบคุมความดันโลหิต โดยเฉพาะอาหารที่มี โซเดียมสูง ไขมันอิ่มตัว และน้ำตาลแฝง

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง:

  • อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก หมูยอ ลูกชิ้น ที่มักมีโซเดียมสูง
  • อาหารจานด่วน เช่น ไก่ทอด เบอร์เกอร์ เฟรนช์ฟราย
  • เครื่องดื่มรสหวาน เช่น ชานม กาแฟเย็น เครื่องดื่มอัดลม

งานวิจัยจาก The New England Journal of Medicine (2014) รายงานว่าการลดปริมาณโซเดียมในอาหารช่วยลดความดันโลหิตได้เฉลี่ย 4-5 mmHg ในผู้ที่มีภาวะความดันสูง และลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดลงอย่างมีนัยสำคัญ (Mozaffarian D et al., 2014)

อาหารที่ควรเพิ่ม:

  • ผักและผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น กล้วย อะโวคาโด มะเขือเทศ
  • ธัญพืชเต็มเมล็ด เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท
  • ปลาและไขมันดี เช่น ปลาแซลมอน น้ำมันมะกอก

แนวทาง DASH Diet (Dietary Approaches to Stop Hypertension) ซึ่งออกแบบมาเพื่อควบคุมความดันโดยเฉพาะ ได้รับการรับรองจากหลายงานวิจัยว่าสามารถลดค่าความดันโลหิตได้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์หากปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

ผลกระทบที่มองไม่เห็น: ความดันโลหิตสูงทำร้ายอวัยวะอย่างไร?

ความดันโลหิตสูงไม่ใช่แค่ “ตัวเลข” แต่คือสัญญาณเตือนของความเสียหายภายในร่างกายที่ค่อย ๆ สะสม

1. สมอง:

ความดันสูงทำให้หลอดเลือดสมองเสื่อม เสี่ยงต่อ หลอดเลือดสมองแตกหรือตีบ (stroke) โดยข้อมูลจาก Lancet Neurology (2020) แสดงให้เห็นว่า 54% ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองมีความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยร่วม

2. หัวใจ:

ภาวะหัวใจโตและหัวใจล้มเหลวเป็นผลตามมาจากความดันโลหิตที่สูงต่อเนื่อง โดยความดันที่สูงทำให้หัวใจต้องทำงานหนักมากขึ้น จนอาจเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนาและไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ไต:

ไตมีหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือด หากหลอดเลือดที่ไตถูกทำลายโดยความดันสูง จะนำไปสู่ ไตวายเรื้อรัง ซึ่งในที่สุดอาจต้องพึ่งพาการฟอกไต

4. ตา:

หลอดเลือดฝอยที่จอตาไวต่อการเปลี่ยนแปลงของความดัน หากความดันสูงจะทำให้เกิด ภาวะจอตาเสื่อมจากความดัน (Hypertensive Retinopathy) ซึ่งอาจทำให้สูญเสียการมองเห็นในระยะยาว

วิธีตรวจวัดและติดตามค่าความดันที่บ้าน

  • ใช้เครื่องวัดความดันแบบดิจิทัลที่แขน (อุปกรณ์ที่ใช้กับข้อมือมักคลาดเคลื่อน)
  • ตรวจวัดตอนเช้าและเย็น ขณะนั่งพักนิ่งอย่างน้อย 5 นาที
  • วัด 2 ครั้งห่างกัน 1 นาที แล้วเฉลี่ยค่า
  • บันทึกค่าทุกวันเพื่อติดตามแนวโน้ม

สรุป

โรคความดันโลหิตสูงเป็น “ภัยเงียบ” ที่ส่งผลกระทบได้ในทุกระบบของร่างกาย การป้องกันเริ่มต้นได้จากการเลือกอาหารที่เหมาะสม การตรวจวัดอย่างสม่ำเสมอ และการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยมีงานวิจัยมากมายสนับสนุนว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสามารถชะลอหรือป้องกันผลลัพธ์ที่ร้ายแรงได้.

แหล่งอ้างอิง:

  1. Whelton PK et al. (2021). “2021 Guideline for the Prevention, Detection, Evaluation, and Management of High Blood Pressure in Adults.” JAMA. https://jamanetwork.com
  2. Mozaffarian D et al. (2014). “Global sodium consumption and death from cardiovascular causes.” NEJM. https://www.nejm.org
  3. The Lancet Neurology. (2020). “Global burden of stroke and its risk factors, 1990–2019.” https://www.thelancet.com/journals/laneur
  4. National Heart, Lung, and Blood Institute. (2023). “DASH Eating Plan.” https://www.nhlbi.nih.gov/health/dash-eating-plan