Posted on

โรคหอบหืด: อัปเดตแนวทางป้องกัน รักษาและงานวิจัยใหม่ล่าสุด

(ภาพประกอบ-สร้างจาก AI)

โรคหอบหืด (Asthma) เป็นโรคเรื้อรังของระบบทางเดินหายใจที่ทำให้หลอดลมเกิดการอักเสบและไวต่อสิ่งกระตุ้น ส่งผลให้เกิดอาการไอ หายใจลำบาก หายใจเสียงวี้ด หรือแน่นหน้าอก โรคนี้สามารถเกิดได้กับคนทุกวัย โดยเฉพาะในเด็ก และอาจมีอาการมากขึ้นหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม

สาเหตุและปัจจัยกระตุ้นโรคหอบหืด

โรคหอบหืดมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เกิดหรือกระตุ้นอาการ ได้แก่:

  • สารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น ละอองเกสร ขนสัตว์ หรือเชื้อรา
  • การติดเชื้อไวรัส โดยเฉพาะในระบบทางเดินหายใจ
  • ควันบุหรี่และมลภาวะทางอากาศ
  • การออกกำลังกายอย่างหนัก
  • ความเครียดและอารมณ์
  • การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้น

อาการของโรคหอบหืด

อาการที่พบบ่อย ได้แก่:

  • หายใจลำบากโดยเฉพาะตอนกลางคืนหรือเช้า
  • หายใจมีเสียงวี้ด
  • แน่นหน้าอก
  • ไอเรื้อรัง โดยเฉพาะหลังการออกกำลังกายหรือในอากาศเย็น

อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวหรือรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที

การวินิจฉัยโรคหอบหืด

การวินิจฉัยมักใช้วิธีดังนี้:

  • การสอบถามประวัติทางการแพทย์ และประวัติอาการ
  • การตรวจสมรรถภาพปอด เช่น Spirometry ซึ่งจะวัดปริมาตรลมหายใจเข้าออก
  • การทดสอบภูมิแพ้ เพื่อดูว่ามีปฏิกิริยาต่อสารก่อภูมิแพ้หรือไม่

แนวทางการรักษาโรคหอบหืด

การรักษาหอบหืดมีเป้าหมายเพื่อควบคุมอาการ ลดการอักเสบของหลอดลม และป้องกันอาการกำเริบ โดยใช้แนวทางดังนี้:

1. การใช้ยา

  • ยาขยายหลอดลม (Bronchodilators) เช่น Salbutamol: ใช้เมื่อมีอาการเฉียบพลัน
  • ยาควบคุมอาการ (Controller medications) เช่น ยาสเตียรอยด์สูด (Inhaled corticosteroids): ใช้ทุกวันเพื่อลดการอักเสบ
  • ยาระงับการตอบสนองภูมิแพ้ (Leukotriene receptor antagonists) เช่น Montelukast

2. การหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น

  • ทำความสะอาดบ้านเพื่อลดฝุ่น
  • หลีกเลี่ยงควันบุหรี่
  • หลีกเลี่ยงสัตว์เลี้ยงหากแพ้ขน

3. การใช้แผนการจัดการตนเอง (Asthma Action Plan)

  • เป็นแนวทางเฉพาะบุคคลที่แพทย์ร่วมกับผู้ป่วยจัดทำขึ้น เพื่อควบคุมและติดตามอาการ

4. การฉีดวัคซีนป้องกัน

  • วัคซีนไข้หวัดใหญ่และวัคซีนป้องกันปอดบวม แนะนำสำหรับผู้ป่วยหอบหืดเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจทำให้อาการกำเริบ

งานวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับโรคหอบหืด

งานวิจัยล่าสุดจากวารสาร The New England Journal of Medicine (2022) รายงานว่า:

การใช้ยาฉีดชีวภาพ (Biologics) เช่น Dupilumab หรือ Mepolizumab แสดงผลชัดเจนในการลดอาการหอบหืดชนิดรุนแรงในผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อยาสเตียรอยด์สูด โดยสามารถลดจำนวนครั้งที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้มากกว่า 50% [1].

อีกหนึ่งงานวิจัยจาก JAMA Network Open (2023) พบว่า:

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอร่วมกับการควบคุมอาหาร สามารถช่วยลดระดับการอักเสบของหลอดลมในผู้ป่วยหอบหืดชนิดไม่รุนแรงได้อย่างมีนัยสำคัญ [2].

สรุป :

โรคหอบหืดสามารถควบคุมได้หากได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่เป็นปัจจัยเสี่ยง การให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับแผนการดูแลตนเองจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและยกระดับคุณภาพชีวิตในระยะยาว.

อ้างอิง :

  1. Rabe KF, Nair P, Brusselle G, et al. Dupilumab in Moderate-to-Severe Asthma. N Engl J Med. 2022;386:1085-1098. doi:10.1056/NEJMoa1902220
  2. Garcia-Aymerich J, et al. Lifestyle Interventions to Reduce Inflammation in Asthma: A Randomized Controlled Trial. JAMA Netw Open. 2023;6(2):e225478. doi:10.1001/jamanetworkopen.2023.5478