
ในการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ หนึ่งในตัวชี้วัดที่นักลงทุนมักใช้เพื่อประเมินมูลค่าของหุ้นคือ ค่า P/E (Price-to-Earnings Ratio) ซึ่งเป็นตัวเลขที่บ่งบอกว่านักลงทุนยินดีจ่ายเงินจำนวนกี่บาทเพื่อแลกกับกำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัทนั้น ค่า P/E มีความสำคัญเพราะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจว่าหุ้นมีมูลค่าถูกหรือแพงเมื่อเปรียบเทียบกับกำไรที่บริษัทสร้างได้ ในบทความนี้ เราจะอธิบายเกี่ยวกับความหมายของค่า P/E วิธีการคำนวณ ประโยชน์ และข้อจำกัด รวมถึงการประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์หุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
1. ค่า P/E คืออะไร?
ค่า P/E เป็นอัตราส่วนที่แสดงให้เห็นว่าราคาหุ้นของบริษัทหนึ่งๆ มีความสัมพันธ์กับกำไรสุทธิต่อหุ้น (Earnings Per Share หรือ EPS) อย่างไร คำนวณได้จากสูตรดังนี้:
โดยที่:

- Price Per Share คือราคาหุ้นปัจจุบัน
- Earnings Per Share (EPS) คือกำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัท
ตัวอย่างเช่น หากราคาหุ้นของบริษัท A อยู่ที่ 50 บาทต่อหุ้น และ EPS อยู่ที่ 5 บาทต่อหุ้น ค่า P/E ของบริษัท A จะเป็น 10 เท่า (50 / 5) ซึ่งหมายความว่าหากบริษัทมีกำไรในอัตรานี้ต่อไป นักลงทุนจะต้องใช้เวลา 10 ปีในการคืนทุนจากกำไรที่ได้รับ (หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงของ EPS)
2. ประเภทของค่า P/E
ค่า P/E สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่:
2.1 Forward P/E
Forward P/E คือค่า P/E ที่คำนวณโดยใช้กำไรที่คาดการณ์ในอนาคต ซึ่งสามารถให้ภาพที่แม่นยำขึ้นเกี่ยวกับศักยภาพในการเติบโตของบริษัท
2.2 Trailing P/E
Trailing P/E คือค่า P/E ที่คำนวณโดยใช้กำไรสุทธิย้อนหลัง 12 เดือน เป็นค่าที่ใช้กันทั่วไปและสะท้อนถึงผลประกอบการที่ผ่านมา
3. ค่า P/E สูงหรือต่ำหมายถึงอะไร?
การแปลความหมายของค่า P/E นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ได้แก่ อุตสาหกรรมที่บริษัทดำเนินธุรกิจ ภาวะตลาด และแนวโน้มการเติบโต โดยทั่วไปแล้ว:
- ค่า P/E สูง อาจหมายความว่านักลงทุนคาดหวังการเติบโตของกำไรที่สูงในอนาคต หรือหุ้นอาจมีมูลค่าสูงเกินไปเมื่อเทียบกับกำไร
- ค่า P/E ต่ำ อาจบ่งบอกว่าหุ้นมีราคาถูก หรือบริษัทอาจเผชิญกับปัญหาทางธุรกิจและมีโอกาสเติบโตต่ำ
4. วิธีการใช้ค่า P/E ในการวิเคราะห์หุ้น
4.1 การเปรียบเทียบกับหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน
การดูค่า P/E ของหุ้นตัวเดียวไม่เพียงพอ ควรเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมเพื่อดูว่าหุ้นมีมูลค่าสูงหรือต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
4.2 การเปรียบเทียบกับค่า P/E ในอดีต
การดูแนวโน้มค่า P/E ของบริษัทในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมาอาจช่วยให้นักลงทุนเข้าใจว่าหุ้นมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องหรือไม่
4.3 การใช้ร่วมกับตัวชี้วัดอื่นๆ
แม้ว่าค่า P/E จะเป็นตัวชี้วัดที่มีประโยชน์ แต่ควรใช้ร่วมกับอัตราส่วนอื่นๆ เช่น P/BV (Price-to-Book Value) และ ROE (Return on Equity) เพื่อให้ได้ภาพรวมที่ชัดเจนขึ้น
5. ค่า P/E ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีการคำนวณค่า P/E ของตลาดโดยรวม ซึ่งสามารถใช้เป็นแนวทางในการวิเคราะห์ทิศทางตลาดโดยรวม นักลงทุนสามารถดูข้อมูลนี้ได้จากเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (www.set.or.th) ซึ่งจะมีข้อมูลค่า P/E ของ SET Index และกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ที่อัปเดตเป็นประจำ
6. ข้อจำกัดของค่า P/E
แม้ว่าค่า P/E จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ ได้แก่:
- ไม่สามารถใช้ได้กับบริษัทที่ขาดทุน เนื่องจากค่า P/E ต้องใช้กำไรในการคำนวณ
- ไม่สะท้อนถึงโครงสร้างทางการเงิน เช่น หนี้สินหรือสินทรัพย์ของบริษัท
- อาจผิดพลาดได้หากกำไรสุทธิผันผวน เช่น กำไรที่เกิดจากรายการพิเศษหรือปัจจัยชั่วคราว
โดยสรุป
ค่า P/E เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ใช้ในการประเมินมูลค่าหุ้น นักลงทุนสามารถใช้ค่า P/E ในการวิเคราะห์และเปรียบเทียบหุ้นเพื่อหาหุ้นที่มีมูลค่าที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ควรใช้ร่วมกับตัวชี้วัดอื่นๆ และพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเพื่อให้การลงทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
ผู้ที่สนใจหรือนักลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่า P/E และแนวโน้มของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้จากแหล่งข้อมูลต่อไปนี้:
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) – www.set.or.th
- รายงานวิจัยจากบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ
- เว็บไซต์ข่าวเศรษฐกิจและการเงิน เช่น Bloomberg, Reuters, หรือกรุงเทพธุรกิจ
ค่า P/E เป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้การลงทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ก่อนตัดสินใจลงทุนเพื่อให้สามารถลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว.
Reference : Coohfey.com