Posted on

ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับทุเรียนที่คุณอาจไม่เคยรู้

ทุเรียน ได้ชื่อว่าเป็น “ราชาแห่งผลไม้” ด้วยกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์และรสชาติหวานมันที่โดดเด่น ทำให้หลายคนหลงรัก ขณะที่อีกหลายคนหลีกเลี่ยงเพราะกลิ่นแรงหรือความหวานจัด แต่คำถามที่มักเกิดขึ้นคือ ทุเรียนมีประโยชน์หรือโทษต่อร่างกายอย่างไร? บทความนี้จะพาคุณวิเคราะห์ข้อเท็จจริงทางโภชนาการและผลกระทบต่อสุขภาพของทุเรียน โดยอิงจากหลักฐานทางการแพทย์

✅ ประโยชน์ของทุเรียน

1. แหล่งพลังงานและคาร์โบไฮเดรตคุณภาพ

ทุเรียนอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตซึ่งให้พลังงานสูง โดยทุเรียน 100 กรัมให้พลังงานประมาณ 150-180 กิโลแคลอรี จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพลังงานอย่างรวดเร็ว เช่น นักกีฬา หรือผู้ที่ต้องการเพิ่มน้ำหนักในทางที่ดี

🔍 งานวิจัยจาก Journal of Food Composition and Analysis ระบุว่าทุเรียนมีค่าดัชนีน้ำตาล (GI) อยู่ในระดับปานกลาง (ประมาณ 49-55) ซึ่งต่ำกว่าผลไม้หวานอื่นๆ หลายชนิด เช่น กล้วยหรือแตงโม [1]

2. อุดมด้วยไฟเบอร์ ช่วยระบบขับถ่าย

ทุเรียนมีใยอาหารสูง (ประมาณ 3-4 กรัมต่อ 100 กรัม) ซึ่งช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก และอาจมีบทบาทในการลดคอเลสเตอรอล

🔍 งานวิจัยใน Asia Pacific Journal of Clinical Nutrition สนับสนุนว่าไฟเบอร์ในผลไม้รวมถึงทุเรียนมีบทบาทในการควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด [2]

3. มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด

ทุเรียนมีสารฟลาโวนอยด์ แคโรทีนอยด์ วิตามิน C และโพลีฟีนอล ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบและป้องกันโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็งและโรคหัวใจ

🔍 การศึกษาโดย Department of Biochemistry, University of Malaya ชี้ว่าทุเรียนมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงเมื่อเปรียบเทียบกับผลไม้เมืองร้อนอื่นๆ [3]

4. มีโพแทสเซียมสูง – ดีต่อหัวใจ (ถ้าใช้ในปริมาณเหมาะสม)

ทุเรียนเป็นแหล่งของโพแทสเซียม ซึ่งช่วยควบคุมความดันโลหิตและการทำงานของหัวใจ แต่ก็ต้องระวังหากเป็นผู้ป่วยโรคไต

⚠️ โทษและข้อควรระวังในการบริโภคทุเรียน

1. พลังงานสูง เสี่ยงอ้วนหากกินมากเกิน

แม้ทุเรียนมีประโยชน์ แต่ก็มีน้ำตาลและไขมันธรรมชาติในปริมาณสูง การบริโภคเกิน 1-2 พู่อาจทำให้ร่างกายได้รับพลังงานเกินความจำเป็นและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วน

🔍 งานวิจัยจาก Malaysian Journal of Nutrition พบว่าการบริโภคทุเรียนมากเกินไปในกลุ่มผู้มีน้ำหนักเกินส่งผลต่อการควบคุมน้ำตาลในเลือดและระดับไขมัน [4]

2. อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่ง (โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวาน)

แม้ค่าดัชนีน้ำตาลของทุเรียนจะไม่สูงมาก แต่เนื่องจากมีน้ำตาลธรรมชาติสูง หากบริโภคมากอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวานที่ควรจำกัดปริมาณอย่างเข้มงวด

3. ไม่ควรกินพร้อมแอลกอฮอล์

มีความเชื่อในหมู่ประชาชนว่าทุเรียนห้ามกินร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรง แม้งานวิจัยยังไม่ยืนยันเต็มที่ แต่มีการศึกษาที่พบว่าทุเรียนอาจยับยั้งเอนไซม์ aldehyde dehydrogenase (ALDH) ซึ่งใช้ในการขจัดแอลกอฮอล์จากร่างกาย จึงอาจทำให้ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงขึ้น [5]

✅ สรุป: ทุเรียน กินอย่างไรให้สุขภาพดี?

คำแนะนำจากนักโภชนาการ:

  • รับประทานไม่เกิน 1-2 พู (ประมาณ 100-200 กรัม) ต่อครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการกินพร้อมอาหารที่มีน้ำตาลหรือไขมันสูง
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคไตควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภค
  • ไม่ควรรับประทานร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

📚 อ้างอิง

  1. Foster-Powell K, Holt SHA, Brand-Miller JC. “International table of glycemic index and glycemic load values.” Am J Clin Nutr. 2002.
  2. Anderson JW, Baird P, et al. “Health benefits of dietary fiber.” Nutr Rev. 2009.
  3. Chong CH, et al. “Antioxidant properties of durian (Durio zibethinus Murr.).” Food Chemistry. 2007.
  4. Azlan A, et al. “Effects of durian intake on blood glucose and lipids in overweight subjects.” Malaysian Journal of Nutrition. 2011.
  5. Haruenkit R, et al. “Effects of durian extract on alcohol metabolism in vitro.” Food Chemistry. 2010.