
ในยุคที่วิดีโอเกมไม่ได้ถูกจำกัดไว้เพียงแค่ความบันเทิง งานวิจัยล่าสุดจาก JAMA Network Open เผยว่า เกมการศึกษาสำหรับแพทย์ฉุกเฉิน สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมการตัดสินใจและช่วยให้ผู้ป่วยที่บาดเจ็บสาหัสได้รับการส่งต่อไปยังศูนย์การแพทย์เฉพาะทางได้ดีขึ้น
ผลการทดลองจากแพทย์ 800 คนทั่วสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่า การให้แพทย์เล่นเกมแนวจำลองเหตุการณ์ฉุกเฉินที่มีชื่อว่า Night Shift เพียง 2 ชั่วโมง สามารถลดอัตราการไม่ส่งต่อผู้ป่วยที่ควรได้รับการดูแลในศูนย์บาดเจ็บเฉพาะทาง (undertriage) ได้ถึง 16 จุดเปอร์เซ็นต์ (จาก 38% เหลือ 22%)
เกมนี้ทำงานอย่างไร?
นักวิจัยออกแบบเกมนี้เพื่อลดการพึ่งพา “การตัดสินใจจากความเคยชิน” (heuristics) ที่มักทำให้แพทย์ประเมินความรุนแรงของอาการผู้ป่วยผิดพลาด ตัวเกมจึงสร้างสถานการณ์จำลองเสมือนแพทย์อยู่เวรในห้องฉุกเฉิน โดยให้ตัดสินใจภายใต้แรงกดดันและข้อมูลจำกัด
ผลการศึกษาแสดงว่า แพทย์ที่เล่นเกมสามารถ:
- เพิ่มความสามารถในการแยกแยะผู้ป่วยบาดเจ็บสาหัสได้ดีขึ้น (improved perceptual sensitivity)
- เปิดใจกับการส่งต่อผู้ป่วยมากขึ้น แม้จะมีโอกาสผิดพลาดมากขึ้นเล็กน้อย (liberalized decision threshold)
ไม่ได้ผลเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ใช้ได้กับ “แพทย์ส่วนใหญ่”
แม้จะมีความแตกต่างในเพศ อายุ หรือปริมาณงานของแพทย์ แต่ผลการศึกษาพบว่า เกมนี้ได้ผลดีในวงกว้าง โดยเฉพาะในแพทย์ที่ทำงานเกิน 10 กะต่อเดือน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ที่มีภาระงานมากอาจได้ประโยชน์จากวิธีการเรียนรู้แบบนี้มากกว่าการเรียนแบบเดิม
ข้อสังเกตที่น่าสนใจ
- แพทย์ใช้เวลาเฉลี่ย 2.7 นาที ต่อเคสในสถานการณ์จำลอง
- มีความสัมพันธ์ระหว่าง “เวลาเล่นเกม” กับ “ประสิทธิภาพการตัดสินใจ” มากขึ้น
- เกมไม่ได้ทำให้แพทย์แม่นยำขึ้นเท่านั้น แต่ ทำให้แพทย์ “กล้าตัดสินใจ” มากขึ้น
ข้อเสนอเชิงนโยบาย
ผลการศึกษานี้ชี้ว่า การใช้เกมเพื่อฝึกทักษะวิชาชีพสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในระบบสาธารณสุขได้จริง โดยเฉพาะในสาขาที่ต้องตัดสินใจในสถานการณ์วิกฤต เช่น แพทย์ฉุกเฉิน พยาบาล หรือเจ้าหน้าที่กู้ภัย
การพัฒนาเกมในลักษณะนี้อาจกลายเป็นเครื่องมือใหม่ใน การอบรมแพทย์ต่อเนื่อง (CME) ซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่าเวิร์กช็อปในสถานที่จริง และสามารถเข้าถึงได้กว้างกว่า
สรุป :
“เกมไม่ใช่เรื่องเล่น” คือคำกล่าวที่ถูกต้องในกรณีนี้ เพราะงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าเกมที่ออกแบบอย่างถูกต้องสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการตัดสินใจในสถานการณ์วิกฤตของแพทย์ได้จริง และที่สำคัญคือใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นในการฝึกฝน
ในอนาคต การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเกมอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยลดข้อผิดพลาดที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตของผู้ป่วย.
แหล่งที่มา:
Mohan D, et al. An Educational Video Game in Trauma Triage at Nontrauma Centers: A Secondary Analysis of a Randomized Clinical Trial. JAMA Network Open. Published June 4, 2025. doi:10.1001/jamanetworkopen.2025.13375