Posted on

เชื้อโรคในน้ำทะเล–น้ำท่วม อันตรายใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม

เมื่ออุณหภูมิน้ำทะเลและน้ำกร่อยสูงขึ้นในช่วงหน้าร้อน–หน้าฝน โรคติดเชื้อจากน้ำกำลังถูกจับตาทั่วโลก โดยเฉพาะเชื้อ วิบริโอ วุลนิฟิคัส (Vibrio vulnificus) ที่สื่อมักเรียกว่า “แบคทีเรียกินเนื้อ (flesh-eating bacteria)” รวมถึงเชื้อโรคจากน้ำชนิดอื่น เช่น โนโรไวรัส (norovirus), เลปโตสไปโรซิส (leptospirosis) และ นาเอเกลอเรีย เฟาว์เลอรี (Naegleria fowleri) หรือที่รู้จักว่า “อะมีบากินสมอง (brain-eating amoeba)” บทความเชิงข่าวนี้รวบรวม ถาม–ตอบ ที่พบบ่อย พร้อมข้อเท็จจริงจากหน่วยงานรัฐและงานวิจัย เพื่อให้ผู้อ่านตัดสินใจด้านสุขภาพได้อย่างปลอดภัย


สรุปสั้น (Key Points)

  • วิบริโอ วุลนิฟิคัส (Vibrio vulnificus) ทำให้ผู้ป่วยส่วนหนึ่งต้องเข้าหอผู้ป่วยวิกฤตหรือถูกตัดอวัยวะ และ ราว 1 ใน 5 เสียชีวิต ภายใน 1–2 วันหากอาการรุนแรงลุกลามเร็ว โดยเฉพาะกรณีติดเชื้อที่แผลจากการลงน้ำทะเลหรือน้ำกร่อย, หรือรับประทานหอยนางรมดิบ (raw oysters) และอาหารทะเลดิบ/สุกๆดิบๆ, ข้อมูลจาก ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention: CDC) ยืนยันชัดเจน, FOX 5 DCCDC
  • กลุ่มเสี่ยงสูงได้แก่ผู้มี โรคตับเรื้อรัง (chronic liver disease), ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (immunocompromised), ผู้สูงอายุ และผู้มีบาดแผลเปิด โดย CDC เตือนให้ “น้ำกับแผลไม่ควรเจอกัน (water and wounds do not mix)” และเน้นหลีกเลี่ยงหอยดิบ, Florida Department of HealthCDC
  • วิธีป้องกันหลัก: ทำอาหารทะเลให้ “สุกทั่วถึง (thoroughly cooked)”, หลีกเลี่ยงแผลสัมผัสน้ำทะเล/น้ำกร่อย, ล้างมือหลังจับอาหารทะเล และแยกของดิบ–ของสุกอย่างเคร่งครัด ตามคำแนะนำของ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (U.S. Food and Drug Administration: FDA) และ Foodsafety.gov (เว็บไซต์ภาครัฐของสหรัฐฯ), FoodSafety.govU.S. Food and Drug Administration
  • เชื้อโรคจากน้ำ ไม่ได้มีแค่วิบริโอ: อะมีบา นาเอเกลอเรีย เฟาว์เลอรี (Naegleria fowleri) เข้า ทางจมูก เมื่อว่ายน้ำในแหล่งน้ำจืดอุ่น (ไม่ใช่จากการดื่มน้ำ) และ โนโรไวรัส (norovirus) แพร่ผ่านการกลืน/ปนเปื้อนทางอุจจาระ–ปาก โดยการ ล้างมือด้วยสบู่และน้ำ เป็นหัวใจสำคัญในการป้องกัน, CDC+1
  • ในประเทศไทย กรมควบคุมโรค (Department of Disease Control: DDC) เตือนโรค เลปโตสไปโรซิส (leptospirosis) หลังน้ำท่วมหรือทำงานลุยน้ำ–โคลน ควรใส่รองเท้าบู๊ต/ถุงมือ กันน้ำเข้าบาดแผล และทำให้น้ำสะอาดก่อนดื่ม, ddc.moph.go.th

ถาม–ตอบที่พบบ่อย (FAQ)

1) “วิบริโอ (Vibrio)” คืออะไร และอยู่ที่ไหน?

วิบริโอ (Vibrio) เป็นแบคทีเรียที่พบตามธรรมชาติใน น้ำทะเลอุ่นและน้ำกร่อย (warm, brackish seawater) หลายสายพันธุ์ก่อโรคในคน โดย วิบริโอ วุลนิฟิคัส (Vibrio vulnificus) ทำให้เกิดแผลติดเชื้อรุนแรงและภาวะโลหิตเป็นพิษได้รวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อบาดแผลสัมผัสน้ำหรือน้ำเลี้ยงจากอาหารทะเลดิบ/กึ่งดิบ, CDC+1

2) ทำไมสื่อถึงเรียก “แบคทีเรียกินเนื้อ (flesh-eating bacteria)”?

คำว่า “แบคทีเรียกินเนื้อ” มักใช้เมื่อติดเชื้อ เนื้อเยื่ออ่อนเน่าตายชนิดรุนแรง (necrotizing fasciitis) ซึ่ง ไม่ได้เกิดจากวิบริโอเท่านั้น แต่กลุ่มเชื้ออื่นอย่าง สเตรปโตค็อกคัส เอ (group A Streptococcus) ก็เป็นสาเหตุพบบ่อยที่สุด ขณะเดียวกัน วิบริโอ วุลนิฟิคัส ก็สามารถทำให้เกิดภาวะนี้ได้ในบางกรณี, CDC+1

3) ติดเชื้อได้อย่างไร?

สองทางหลักคือ
ก. รับประทานอาหารทะเลดิบ/สุกๆดิบๆ โดยเฉพาะ หอยนางรมดิบ (raw oysters) และ ข. บาดแผลสัมผัสน้ำทะเล/น้ำกร่อย หรือของเหลวจากอาหารทะเลดิบ (รวมถึงน้ำหยด/น้ำคั้นจากเนื้อสัตว์ทะเล) จึงควรทำให้สุก แยกของดิบ–สุก และหลีกเลี่ยงให้น้ำโดนแผล, CDCFoodSafety.gov

4) อาการเป็นอย่างไร และรุนแรงแค่ไหน?

อาการอาจเริ่มด้วย ไข้ หนาวสั่น ปวดท้อง อาเจียน ท้องเสีย และอาจลุกลามเป็น แผลพองเลือด (hemorrhagic bullae) และ เนื้อเยื่ออ่อนเน่าตาย (necrotizing skin/soft tissue infection) ได้รวดเร็ว หลายรายต้องรักษาใน ไอซียู (ICU) หรือทำการผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อที่ตายออก โดย ประมาณ 1 ใน 5 เสียชีวิต ภายใน 1–2 วัน หากอาการรุนแรง, CDCFOX 5 DC

5) ใครคือ “กลุ่มเสี่ยงสูง”?

ผู้มี โรคตับเรื้อรัง, ภูมิคุ้มกันบกพร่อง, ผู้สูงอายุ, ผู้ที่มี บาดแผลเปิด รวมถึงผู้ที่ใช้ยาลดกรดที่ทำให้กรดในกระเพาะต่ำลง เสี่ยงต่ออาการรุนแรงเป็นพิเศษ คำเตือนสำคัญ: “อย่าลงน้ำถ้ามีแผล” ตามถ้อยคำของ กระทรวงสาธารณสุขรัฐฟลอริดา (Florida Department of Health), Florida Department of Health

6) ป้องกันวิบริโออย่างไรเมื่อท่องเที่ยวชายทะเล–กินซีฟู้ด?

  • เลี่ยงหอยนางรมดิบและอาหารทะเลดิบ สั่ง/ทำ สุกทั่วถึง (fully cooked) เท่านั้น
  • แยกของดิบ–สุก ล้างมือและอุปกรณ์ทันทีหลังสัมผัสของดิบ
  • มีแผลอย่าลงน้ำทะเล/น้ำกร่อย และอย่าให้ของเหลวจากอาหารทะเลดิบโดนแผล
  • น้ำมะนาว/ซอสเผ็ด/แอลกอฮอล์ ไม่ฆ่าเชื้อวิบริโอ
    (อ้างอิงคำแนะนำ Foodsafety.gov–FDA และเอกสารแนวทางของ FDA), FoodSafety.govU.S. Food and Drug Administration

7) “อะมีบากินสมอง (brain-eating amoeba) นาเอเกลอเรีย เฟาว์เลอรี (Naegleria fowleri)” เกี่ยวอะไรกับน้ำ?

นาเอเกลอเรีย เฟาว์เลอรี (Naegleria fowleri) พบใน แหล่งน้ำจืดอุ่น (warm freshwater) เช่น ทะเลสาบ/แม่น้ำ/บ่อน้ำพุร้อน เชื้อ เข้าทางจมูก แล้วเดินทางไปสมอง ทำให้เกิด เยื่อหุ้มสมองและสมองอักเสบอะมีบาชนิดปฐมภูมิ (primary amebic meningoencephalitis: PAM) ซึ่งพบได้น้อยแต่รุนแรงมาก ไม่ได้ติดจากการดื่มน้ำ แนวทางลดเสี่ยงคือ ปิดจมูก/ใส่คลิปหนีบจมูก, หลีกเลี่ยงขุด/กวนน้ำตื้น และใช้น้ำกลั่นหรือน้ำต้มสุกเมื่อ ล้างโพรงจมูก (nasal rinsing), CDC+1

8) “เลปโตสไปโรซิส (leptospirosis)” และ “โนโรไวรัส (norovirus)” เกี่ยวข้องอย่างไร?

หลังฝนตก–น้ำท่วม เลปโตสไปโรซิส (โรคฉี่หนู) ติดต่อจาก ฉี่สัตว์ปนเปื้อนในน้ำ/ดิน เข้าสู่ร่างกายผ่านบาดแผล–ผิวหนังชื้น กรมควบคุมโรค (DDC) แนะนำให้ สวมรองเท้าบู๊ต/ถุงมือกันน้ำ และหลีกเลี่ยงการลุยน้ำหรือแช่น้ำท่วม, ขณะที่ โนโรไวรัส (norovirus) แพร่ทางอุจจาระ–ปากและ สบู่กับน้ำ คือหัวใจของการป้องกัน (เจลแอลกอฮอล์อย่างเดียว เอาไม่อยู่) รวมถึง อย่าลงเล่นน้ำเมื่อมีอาการท้องเสีย เพื่อไม่แพร่เชื้อสู่ผู้อื่น, ddc.moph.go.thCDC+1

9) ร้านอาหาร–ผู้ประกอบการควรทำอย่างไร?

ยึด ระบบวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม (HACCP) สำหรับอาหารทะเล: ทำให้สุก/พาสเจอไรซ์/รีทอร์ท (cooking/pasteurization/retorting) ตามแนวทาง FDA และอบรมพนักงานเรื่องการปนเปื้อนข้าม (cross-contamination) อย่างเข้มงวด, U.S. Food and Drug Administration

10) ถ้ามีอาการหลัง “สัมผัสน้ำ/กินอาหารทะเลดิบ” ควรทำอย่างไร?

หากมี ไข้ หนาวสั่น ปวดท้อง อาเจียน ถุงน้ำพองเลือดที่ผิวหนัง ปวดแผลรุนแรงผิดปกติ ภายใน ไม่กี่ชั่วโมงถึง 2–3 วัน หลังสัมผัสน้ำทะเล/น้ำกร่อยหรือหลังรับประทานอาหารทะเลดิบ/กึ่งดิบ ให้ไปโรงพยาบาลทันที เพราะการเริ่ม ยาปฏิชีวนะ (antibiotics) และ การจัดการแผลอย่างเร่งด่วน (urgent wound management) มีความสำคัญต่อการรอดชีวิต, CDC


เช็กลิสต์ความปลอดภัยอย่างย่อ (สำหรับนักท่องเที่ยว–คนรักอาหารทะเล)

  • ปรุงอาหารให้สุกเสมอ: หอยนางรม/หอยสองฝาให้สุกทั่วถึง – น้ำซอสหรือแอลกอฮอล์ ไม่ฆ่าเชื้อ; แยกเขียง–มีดของดิบ/สุก, FoodSafety.gov
  • บาดแผลอย่าลงน้ำทะเล/น้ำกร่อย และอย่าให้ของเหลวจากอาหารทะเลดิบโดนแผล, Florida Department of HealthCDC
  • น้ำจืดอุ่น: เล่นน้ำให้ ปิดจมูก/ใส่คลิปหนีบจมูก หลีกเลี่ยงขุด/กวนน้ำตื้น และใช้น้ำต้มสุก/น้ำกลั่นเมื่อ ล้างโพรงจมูก, CDC
  • หลังน้ำท่วม–ทำงานลุยน้ำ: ใส่รองเท้าบู๊ต/ถุงมือกันน้ำ ปิดบาดแผลให้มิดชิด และทำให้น้ำดื่มสะอาดก่อนใช้, CDC
  • สุขอนามัยมือ: ล้างมือด้วย สบู่และน้ำ (soap and water) โดยเฉพาะก่อนกิน–ปรุงอาหาร และ งดลงเล่นน้ำเมื่อมีอาการท้องเสีย, CDC+1

ข้อสังเกตด้านสถานการณ์ (2025)

หน่วยงานรัฐสหรัฐฯ เคยออกคำเตือนด้านสาธารณสุขเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของการติดเชื้อ วิบริโอ วุลนิฟิคัส และระบุว่าเชื้อนี้ก่อ การติดเชื้อแผลแบบเนื้อเยื่ออ่อนเน่าตาย ที่มีระยะฟักตัวสั้น ต้องรักษาอย่างทันท่วงที, CDC


แหล่งอ้างอิง (หน่วยงานภาครัฐ)

  • ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC): ภาพรวมวิบริโอและความรุนแรง, แนวทางป้องกัน, เนื้อเยื่ออ่อนเน่าตาย, สุขอนามัยน้ำเพื่อสันทนาการ, นาเอเกลอเรีย เฟาว์เลอรี (Naegleria fowleri), โนโรไวรัส (norovirus), เลปโตสไปโรซิส (leptospirosis), และประกาศเตือนด้านสุขภาพปี 2023 เกี่ยวกับ V. vulnificus, CDC+7CDC+7CDC+7
  • สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) และ Foodsafety.gov: คำแนะนำการทำอาหารทะเลให้สุก, การลดความเสี่ยง วิบริโอ ในหอยนางรม, แนวทางควบคุมอันตรายในอุตสาหกรรมอาหารทะเล (HACCP), FoodSafety.govU.S. Food and Drug Administration
  • กระทรวงสาธารณสุขรัฐฟลอริดา (Florida Department of Health): คำแนะนำ “น้ำกับแผลไม่ควรเจอกัน”, การป้องกันและการปรุงอาหารทะเลให้สุก, Florida Department of Health
  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (ประเทศไทย) (DDC): คำแนะนำโรค เลปโตสไปโรซิส (leptospirosis) ในช่วงหน้าฝน–น้ำท่วม, ddc.moph.go.th
  • กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (ประเทศไทย) (Department of Medical Sciences: DMSC): แผ่นพับข้อเท็จจริง “ภัยร้ายจากเชื้อ Vibrio vulnificus”, nih.dmsc.moph.go.th

ข้อจำกัด: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการให้ข้อมูลเชิงข่าวและการป้องกันเบื้องต้นเท่านั้น หากคุณสงสัยว่าตนเองหรือคนใกล้ชิดติดเชื้อ วิบริโอ (Vibrio) หรือ เชื้อโรคจากน้ำ (waterborne pathogens) ควร ไปโรงพยาบาลทันที และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ดูแล.

Posted on Leave a comment

CDC Issues Alert to Physicians Regarding Flesh-Eating Bacteria Vibrio Vulnificus.

The US Centers for Disease Control and Prevention (CDC) has issued a national health alert urging doctors to be vigilant for cases of Vibrio vulnificus, a flesh-eating bacterium. This warning follows a surge in severe and fatal V. vulnificus infections during July and August, mainly in states like Connecticut, New York, and North Carolina, where at least five deaths have occurred. The bacterium thrives in coastal waters, particularly during warmer months, and can infect people through the consumption of raw seafood, swimming with open wounds, or exposure during natural disasters like hurricanes and floods.

As the climate crisis raises ocean temperatures and brings more heatwaves, V. vulnificus cases are increasingly reported along the East Coast, not just the Gulf Coast. The CDC estimates around 80,000 Vibrio-related illnesses annually in the US, but not all strains cause severe infections. Symptoms of infection include diarrhea, stomach cramps, nausea, vomiting, fever, and chills. Vibrio vulnificus can lead to necrotizing fasciitis, septicemia, septic shock, sepsis, and acute respiratory distress syndrome (ARDS).

Of the 150 to 200 V. vulnificus cases reported to the CDC yearly, approximately 1 in 5 result in death, often within one or two days. Prompt treatment is crucial since about 50% of these infections no longer respond to antibiotics due to antimicrobial resistance. Preventative measures include thorough cooking of seafood, avoiding raw or undercooked shellfish, and proper hand hygiene. Individuals with skin wounds are advised to stay out of the ocean or cover wounds with waterproof bandages. Those exposed to salt or brackish water should wash hands and cuts thoroughly with soap and water, and people involved in flood or hurricane cleanup should wear protective clothing to prevent cuts.