ในอดีต “มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง” มักพบในผู้สูงอายุ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลับพบแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนอายุน้อยกว่า 50 ปีอย่างต่อเนื่องทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย ปรากฏการณ์นี้ทำให้องค์กรสาธารณสุขหลายแห่งเริ่มให้ความสำคัญกับการคัดกรองในคนอายุน้อยมากขึ้น เพื่อป้องกันและตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
1️⃣ อัตราผู้ป่วยอายุน้อยเพิ่มขึ้นจริงทั่วโลก
งานวิจัยในวารสาร The Lancet Oncology พบว่า หลายประเทศมีจำนวนผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงในคนอายุต่ำกว่า 50 ปีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในประเทศที่มีวิถีชีวิตแบบเมือง เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
สมาคมโรคมะเร็งอเมริกัน (American Cancer Society; ACS) รายงานว่า ปัจจุบันผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 55 ปีคิดเป็นประมาณ 1 ใน 5 ของผู้ป่วยรายใหม่ทั้งหมด ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับสิบปีก่อน
สาเหตุหลักที่นักวิทยาศาสตร์คาดว่าเกี่ยวข้อง ได้แก่
- การบริโภคอาหารแปรรูปและเนื้อแดงมากเกินไป
- การนั่งอยู่กับที่นาน ไม่ออกกำลังกาย
- ภาวะอ้วนและน้ำหนักเกิน
- การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
2️⃣ สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม แม้ยังอายุน้อย
หลายคนมักคิดว่ามะเร็งลำไส้ใหญ่เกิดเฉพาะในผู้สูงอายุ แต่ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (Centers for Disease Control and Prevention; CDC) ระบุว่า คนวัยทำงานหรือวัยรุ่นตอนปลายก็สามารถเกิดโรคนี้ได้ โดยควรรีบพบแพทย์หากมีอาการดังนี้
- มีเลือดปนในอุจจาระ
- ปวดท้องหรือมีแก๊สในลำไส้เป็นประจำ
- น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ถ่ายไม่สุด หรือรู้สึกว่าลำไส้ยังไม่โล่ง
- มีภาวะโลหิตจางโดยไม่ทราบสาเหตุ
สถาบันมะเร็งแห่งชาติของสหรัฐฯ (National Cancer Institute; NCI) ชี้ว่า คนหนุ่มสาวมักละเลยอาการเหล่านี้ เพราะคิดว่าเป็นเพียงอาการของโรคลำไส้ทั่วไป เช่น ลำไส้อักเสบ หรือริดสีดวง จึงทำให้มักถูกวินิจฉัยในระยะที่โรคลุกลามแล้ว
3️⃣ การตรวจคัดกรองที่เหมาะสม: เริ่มเมื่อไรจึงปลอดภัย
ในสหรัฐอเมริกา คณะกรรมการบริการป้องกันโรค (U.S. Preventive Services Task Force; USPSTF) แนะนำให้ประชาชนทั่วไปเริ่มตรวจคัดกรองตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป โดยสามารถเลือกวิธีได้ตามความเหมาะสม เช่น
- การตรวจอุจจาระหาเลือดแฝง (FIT) ปีละหนึ่งครั้ง
- การตรวจสารพันธุกรรมในอุจจาระ (FIT-DNA)
- การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) ทุก 5–10 ปี
ในประเทศไทย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ มีโครงการตรวจคัดกรองให้ฟรีสำหรับประชาชนอายุ 50–70 ปี โดยใช้วิธีตรวจอุจจาระ (FIT) ทุก 2 ปี หากผลบวกจะได้รับการส่งต่อเพื่อตรวจส่องกล้องอย่างละเอียด
CDC ย้ำว่า “การตรวจคัดกรองช่วยลดอัตราเสียชีวิตได้จริง” เพราะสามารถตรวจพบติ่งเนื้อในลำไส้ที่อาจกลายเป็นมะเร็งได้ตั้งแต่ยังไม่เกิดโรค
4️⃣ ปัจจัยเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยง และสิ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงได้
องค์การอนามัยโลก (World Health Organization; WHO) และ หน่วยงานวิจัยโรคมะเร็งระหว่างประเทศ (International Agency for Research on Cancer; IARC) ระบุว่า
- เนื้อแปรรูป เช่น ไส้กรอก เบคอน แฮม และไส้กรอกอีสาน จัดอยู่ในกลุ่ม “สารก่อมะเร็งในมนุษย์”
- การกินเนื้อแปรรูป 50 กรัมต่อวัน เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ราว 18%
- การกินเนื้อแดงมากเกินไปก็มีแนวโน้มเพิ่มความเสี่ยงเช่นกัน
งานวิจัยหลายฉบับยังยืนยันว่า ภาวะอ้วนและขาดการเคลื่อนไหว มีส่วนทำให้เกิดมะเร็งชนิดนี้เร็วขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนอายุน้อย
แนวทางดูแลตัวเองที่ทำได้ทันที
- กินผักผลไม้และอาหารที่มีใยอาหารมากขึ้น
- ลดเนื้อแดงและอาหารแปรรูป
- ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
5️⃣ กลุ่มเสี่ยงที่ควรตรวจเร็วกว่าปกติ
ผู้ที่มี ประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือมะเร็งลำไส้ตรง หรือมีภาวะทางพันธุกรรมบางอย่าง เช่น กลุ่มอาการลินช์ (Lynch Syndrome) ควรเข้ารับการตรวจตั้งแต่อายุยังน้อย หรือถี่กว่าคนทั่วไป
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยของ สมาคมโรคมะเร็งอเมริกัน พบว่า ผู้ป่วยวัยหนุ่มสาวจำนวนมาก ไม่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้ จึงไม่ควรละเลยอาการเตือนเพียงเพราะคิดว่า “อายุน้อยคงไม่เป็นอะไร”
🧬 ทำไมคนรุ่นใหม่จึงป่วยมากขึ้น?
แม้ยังไม่มีคำตอบแน่ชัด แต่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ปัจจัยหลายด้านร่วมกันส่งผล เช่น
- การกินอาหารสำเร็จรูปและอาหารมันสูงตั้งแต่วัยเด็ก
- การนั่งอยู่กับที่นาน เช่น ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์
- การเปลี่ยนแปลงของจุลชีพในลำไส้ (ไมโครไบโอม) ที่อาจได้รับผลจากยาปฏิชีวนะหรืออาหาร
- การสัมผัสสารพิษจากสิ่งแวดล้อม
งานวิจัยใหม่ยังพบว่า แบคทีเรียบางชนิดในลำไส้อาจสร้างสารพิษชื่อ คอลิแบคติน (Colibactin) ซึ่งทำให้เกิดการกลายพันธุ์ในเซลล์ของเยื่อบุลำไส้ และเพิ่มโอกาสเกิดมะเร็งในวัยหนุ่มสาวได้
✅ ข้อแนะนำ
- หากอายุ 50–70 ปี สามารถเข้ารับการตรวจอุจจาระ (FIT) ฟรีได้ที่โรงพยาบาลของรัฐใกล้บ้าน ภายใต้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
- หากอายุ 45–49 ปี และมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือมีญาติสายตรงเป็นมะเร็ง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาตรวจคัดกรองก่อนถึงอายุเกณฑ์
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น ถ่ายมีเลือด น้ำหนักลด หรือปวดท้องเรื้อรัง ควรพบแพทย์โดยไม่รอถึงกำหนดคัดกรอง
- ปรับพฤติกรรมการกินและออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นการป้องกันที่ได้ผลจริง
หมายเหตุสำคัญ: บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลด้านสุขภาพเท่านั้น ไม่ใช่คำวินิจฉัยทางการแพทย์ หากสงสัยว่ามีอาการหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเฉพาะบุคคล
🔍 แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) – ข้อมูลอาการและแนวทางคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่
- สมาคมโรคมะเร็งอเมริกัน (ACS) – รายงานสถิติผู้ป่วยอายุน้อย (อัปเดตปี 2025)
- คณะกรรมการบริการป้องกันโรคสหรัฐฯ (USPSTF) – คำแนะนำการตรวจคัดกรองสำหรับประชาชนทั่วไป
- องค์การอนามัยโลก (WHO) และ หน่วยงานวิจัยโรคมะเร็งระหว่างประเทศ (IARC) – การจัดกลุ่มเนื้อแปรรูปเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์
- สถาบันมะเร็งแห่งชาติ (ประเทศไทย) และ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) – โครงการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่สำหรับประชาชน
- The Lancet Oncology, JAMA Network Open, Gastroenterology – งานวิจัยแนวโน้มการเกิดโรคในคนอายุน้อยทั่วโลก
