ข่าวสุขภาพล่าสุดจากต่างประเทศกำลังพลิกมุมมองเดิม ๆ เกี่ยวกับ “ฟลูออไรด์ในน้ำประปา” ที่ถกเถียงกันมายาวนานว่าส่งผลต่อสมองเด็กหรือไม่ ล่าสุด งานวิจัยระดับชาติของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเพิ่งตีพิมพ์ในวารสาร Science Advances พบว่า การได้รับฟลูออไรด์จากน้ำดื่มในระดับที่ใช้ในระบบน้ำประปาชุมชนทั่วไป ไม่ทำให้ระดับสติปัญญา (Intelligence Quotient: IQ) ลดลง และอาจสัมพันธ์กับ ผลการทดสอบด้านความคิดและการเรียนรู้ที่ดีขึ้นเล็กน้อย ในวัยรุ่นด้วย
บทความนี้จะสรุปผลวิจัยใหม่ พร้อมเปรียบเทียบกับงานวิจัยรุ่นก่อน ๆ ที่เคยระบุว่าฟลูออไรด์อาจทำให้ไอคิวลดลง รวมถึงมุมมองจากหน่วยงานรัฐทั้งในไทยและต่างประเทศ พร้อมข้อแนะนำสำหรับประชาชนไทย
🚰 ฟลูออไรด์คืออะไร ทำไมต้องเติมในน้ำดื่ม?
ฟลูออไรด์เป็นแร่ธาตุธรรมชาติที่พบในน้ำ ดิน และอาหารบางชนิด การเติมฟลูออไรด์ในน้ำประปาชุมชน (Community Water Fluoridation) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ ลดปัญหาฟันผุในประชากร โดยเฉพาะในเด็กและผู้มีรายได้น้อยที่อาจเข้าถึงบริการทันตกรรมได้ยากกว่า
องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) กำหนดระดับฟลูออไรด์ในน้ำดื่ม ไม่เกิน 1.5 มก./ลิตร เพื่อป้องกันฟันตกกระและปัญหากระดูกจากการได้รับฟลูออไรด์เกิน ทั้งยังยืนยันว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอสำหรับการปรับลดระดับมาตรฐานดังกล่าวในเวลานี้
ในสหรัฐอเมริกา ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention: CDC) แนะนำระดับฟลูออไรด์ที่ 0.7 มก./ลิตร ซึ่งเป็นระดับที่ให้ประโยชน์สูงสุดด้านการป้องกันฟันผุและมีความเสี่ยงต่ำต่อผลข้างเคียง
สำหรับประเทศไทย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้อ้างอิงมาตรฐานของ WHO เช่นเดียวกัน พร้อมทั้งสำรวจระดับฟลูออไรด์ในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะในเขตที่ใช้น้ำบาดาล เพื่อควบคุมระดับให้อยู่ในช่วงที่ปลอดภัย
📊 งานวิจัยใหม่ชี้ชัด: ฟลูออไรด์ระดับ “น้ำประปาชุมชน” ไม่ทำให้ไอคิวลดลง
การศึกษาล่าสุดจากสหรัฐอเมริกา ภายใต้หัวข้อ “Childhood fluoride exposure and cognition across the life course” ซึ่งตีพิมพ์ใน Science Advances ใช้ข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างระดับประเทศกว่า 26,000 คน โดยติดตามตั้งแต่วัยเรียนจนถึงวัยผู้ใหญ่
🔍 จุดเด่นของงานวิจัยนี้
- ใช้ข้อมูลจากโครงการระดับชาติที่มีการติดตามระยะยาว
- คำนวณการได้รับฟลูออไรด์ตั้งแต่ในครรภ์จนถึงวัยรุ่น
- วัดผลด้านไอคิว การคิดวิเคราะห์ และความสามารถทางการเรียนรู้หลายช่วงอายุ
🧪 ผลการศึกษาโดยสรุป
- ไม่พบความสัมพันธ์เชิงลบ ระหว่างระดับฟลูออไรด์ในน้ำดื่ม (ประมาณ 0.7 มก./ลิตร) กับระดับสติปัญญาหรือผลการเรียนรู้
- เด็กที่อาศัยในพื้นที่ที่มีระดับฟลูออไรด์ตามคำแนะนำ มีผลการเรียนรู้ดีขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับพื้นที่ที่มีฟลูออไรด์ต่ำกว่า
- ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศให้ความเห็นว่างานวิจัยนี้เป็น “ข้อมูลสำคัญ” ที่ช่วยยืนยันความปลอดภัยของระดับฟลูออไรด์ในน้ำประปาที่ใช้อยู่ทั่วไป
🇦🇺🇳🇿 หลักฐานจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์: สอดคล้อง—ไม่พบผลเสียต่อสมองเช่นกัน
ออสเตรเลีย
ศึกษาติดตามเด็กกว่า 2,700 คน เป็นเวลา 7–8 ปี
ผลลัพธ์:
- ไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างระดับฟลูออไรด์ในน้ำกับพัฒนาการด้านความคิด
- แม้เด็กบางคนมีฟันตกกระ แต่ความสามารถทางสติปัญญาไม่แตกต่างจากเด็กทั่วไป
นิวซีแลนด์
ติดตามประชากรที่เติบโตในเมืองที่มีการเติมฟลูออไรด์ในน้ำ
ผลลัพธ์:
- ระดับไอคิวในวัยผู้ใหญ่ ไม่แตกต่างกัน ระหว่างพื้นที่ที่มีหรือไม่มีการเติมฟลูออไรด์
- แต่พื้นที่ที่เติมฟลูออไรด์มี อัตราฟันผุน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
⚖️ แล้วงานวิจัยที่ชี้ว่า “ฟลูออไรด์ทำให้ไอคิวลดลง” ล่ะ?
มีงานวิจัยบางส่วนที่รายงานว่า การได้รับฟลูออไรด์ในระดับสูงมากอาจทำให้ไอคิวลดลงเล็กน้อย แต่ต้องทำความเข้าใจสิ่งสำคัญดังนี้:
- งานวิจัยที่พบผลดังกล่าวมักเกิดในพื้นที่ที่มีฟลูออไรด์ในน้ำสูงกว่า 1.5 มก./ลิตร
- หลายพื้นที่เป็นเขตชนบทในบางประเทศที่มี น้ำบาดาลฟลูออไรด์สูงผิดปกติ
- โครงการพิษวิทยาแห่งชาติของสหรัฐฯ (National Toxicology Program: NTP) ระบุว่า
- ความเสี่ยงจากฟลูออไรด์ระดับสูง “มีความเป็นไปได้”
- แต่หลักฐานยังขาดความชัดเจน โดยเฉพาะที่ระดับฟลูออไรด์ใกล้เคียงระดับในระบบน้ำประปาทั่วไป (0.5–1.0 มก./ลิตร)
ดังนั้น ผลวิจัยที่ชี้ว่าไอคิวลดลงโดยมากมักเป็นกรณีที่พบฟลูออไรด์ “สูงผิดปกติ” ไม่ใช่ระดับที่ใช้ในระบบน้ำประปามาตรฐาน
🏛️ มุมมองจากหน่วยงานรัฐและองค์การสาธารณสุข
1. องค์การอนามัยโลก (WHO)
- แนะนำระดับฟลูออไรด์ในน้ำไม่เกิน 1.5 มก./ลิตร
- เน้นว่าค่าแนะนำดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ ความเสี่ยงฟันตกกระและปัญหากระดูก มากกว่าประเด็นด้านพัฒนาการสมอง
- ควรพิจารณาระดับฟลูออไรด์จากหลายแหล่งรวมกัน เช่น น้ำ อาหาร ยาสีฟัน
2. ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC)
- แนะนำระดับฟลูออไรด์ 0.7 มก./ลิตร
- รายงานภายในประเทศชี้ว่า การรักษาระดับ 0.6–0.8 มก./ลิตร ช่วยลดฟันผุได้ถึง 25%
3. สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐอเมริกา (EPA)
- อยู่ระหว่างทบทวนรายงานใหม่จาก NTP เพื่อพิจารณาปรับมาตรฐานน้ำดื่มในอนาคต
4. หน่วยงานรัฐในประเทศไทย
- กรมอนามัย และทันตแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ยืนยันประโยชน์ของฟลูออไรด์ในการป้องกันฟันผุ
- แนะนำให้เด็กใช้ฟลูออไรด์อย่างเหมาะสมตามอายุและระดับฟลูออไรด์ในพื้นที่
- รายงานหลายฉบับพบว่า
- บางพื้นที่ของไทยมีฟลูออไรด์ต่ำกว่าเกณฑ์ที่ช่วยป้องกันฟันผุ
- ขณะที่บางพื้นที่มีระดับสูงกว่ามาตรฐาน จึงต้องมีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ความหมายของผลวิจัยนี้ต่อประเทศไทย
จากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ล่าสุด สามารถสรุปได้ว่า:
✔️ ฟลูออไรด์ระดับปกติในน้ำประปาหรือน้ำบรรจุขวดของไทย
- ไม่พบหลักฐานชัดเจนว่าทำให้ไอคิวลดลง
- งานวิจัยขนาดใหญ่จากหลายประเทศให้ผลตรงกันว่า ปลอดภัยต่อพัฒนาการสมอง
✔️ ฟลูออไรด์สูงเกินไป (มักพบในน้ำบาดาลบางพื้นที่)
- อาจเสี่ยงฟันตกกระ กระดูกผิดปกติ และอาจเกี่ยวข้องกับไอคิวลดลงในบางงานวิจัย
- ต้องมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง
✔️ ประเทศไทยไม่ได้เติมฟลูออไรด์ในน้ำประปาอย่างกว้างขวาง
- แต่ใช้มาตรการอื่น เช่น ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ การเคลือบฟลูออไรด์ และนมฟลูออไรด์ในโรงเรียน
- จึงต้องพิจารณาระดับฟลูออไรด์จากหลายแหล่งรวมกัน เช่น ยาสีฟัน น้ำดื่ม น้ำบาดาล
✅ ข้อแนะนำเบื้องต้นสำหรับประชาชนและผู้ปกครอง
1. ตรวจสอบแหล่งน้ำดื่ม
หากใช้น้ำบาดาล ควรตรวจระดับฟลูออไรด์เป็นระยะ โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง
2. เลือกน้ำดื่มบรรจุขวดที่ได้มาตรฐาน
อ่านฉลาก และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่าน อย.
3. ใช้ฟลูออไรด์อย่างพอดี
โดยเฉพาะเด็กเล็ก ควรให้ผู้ปกครองควบคุมปริมาณยาสีฟัน (ขนาดเท่า “เมล็ดข้าว”)
4. ติดตามข้อมูลจากหน่วยงานรัฐที่เชื่อถือได้
เช่น กรมอนามัย, ทันตแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย, WHO, CDC
📌 หมายเหตุสำคัญสำหรับผู้อ่านเว็บไซต์
ข้อมูลในบทความนี้อ้างอิงจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์และแหล่งข้อมูลจากหน่วยงานรัฐทั้งในไทยและต่างประเทศ เนื้อหามีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ด้านสุขภาพ ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์เฉพาะบุคคล หากผู้อ่านอาศัยในพื้นที่ที่ใช้น้ำบาดาล หรือสงสัยว่าตนเองหรือเด็กอาจได้รับฟลูออไรด์มากเกินไป ควรปรึกษาแพทย์ ทันตแพทย์ หรือหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม
