นักวิทยาศาสตร์จากสหรัฐอเมริกาพบหลักฐานใหม่ว่า สมองของผู้ป่วย โรคสมองเสื่อมจากการกระทบกระแทกเรื้อรัง (CTE) มี “ความเสียหายทางพันธุกรรมแบบแฝง” (Hidden Genetic Damage) ร่วมด้วย ซึ่งเป็นรูปแบบการกลายพันธุ์ของดีเอ็นเอที่เกิดขึ้นเฉพาะในเซลล์สมอง (Somatic Mutation)
การค้นพบนี้ช่วยอธิบายได้ว่า เหตุใดบางคนที่ถูกกระแทกศีรษะซ้ำ ๆ จึงพัฒนาไปเป็นโรค CTE ขณะที่บางคนไม่เป็น โดยบ่งชี้ว่า “พันธุกรรมระดับเซลล์” ก็อาจมีส่วนร่วมในกระบวนการเสื่อมของสมองนี้ด้วย
👂 โรค CTE คืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร
ตามคำอธิบายของ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (Centers for Disease Control and Prevention: CDC)
CTE หรือโรคสมองเสื่อมจากการกระทบกระแทกเรื้อรัง เป็นภาวะที่เกิดจากการได้รับแรงกระแทกศีรษะซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน เช่นในนักกีฬาประเภทอเมริกันฟุตบอล มวย หรือทหารผ่านศึกที่สัมผัสแรงระเบิดบ่อย ๆ
โรคนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างสมอง โปรตีน Tau ในสมองจะสะสมผิดที่และรบกวนการทำงานของเซลล์ประสาท จนส่งผลให้เกิดอาการสมองเสื่อม อารมณ์แปรปรวน ความจำเสื่อม หรือพฤติกรรมก้าวร้าว
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยใหม่แสดงให้เห็นว่า “แรงกระแทก” อาจไม่ใช่ปัจจัยเดียว แต่มี ความเสียหายของยีนภายในเซลล์สมอง เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
🧬 ผลการค้นพบล่าสุดจากงานวิจัย
ทีมนักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยบอสตัน (Boston University) และ คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard Medical School: HMS) ได้ใช้เทคนิคล้ำสมัยที่เรียกว่า “การจัดลำดับจีโนมของเซลล์เดี่ยว (Single-Cell Whole Genome Sequencing)”
เพื่อตรวจหาความผิดปกติของดีเอ็นเอในเซลล์สมองของผู้ที่เสียชีวิตจากโรค CTE เทียบกับกลุ่มอื่น ๆ
ผลการศึกษาเผยว่า
- เซลล์ประสาทในสมองของผู้ป่วย CTE มี ร่องรอยการกลายพันธุ์ของดีเอ็นเอ ที่เฉพาะตัว
- รูปแบบของความเสียหายนี้ คล้ายกับที่พบในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease)
- ในขณะที่กลุ่มที่เคยถูกกระแทกศีรษะซ้ำ ๆ แต่ไม่เป็น CTE ไม่พบรูปแบบความผิดปกตินี้
สิ่งนี้บ่งชี้ว่า CTE ไม่ได้เกิดจากแรงกระแทกอย่างเดียว แต่เกิดจากกระบวนการเสื่อมระดับพันธุกรรมในเซลล์สมองที่เกิดสะสมในระยะยาวเช่นเดียวกัน
🧠 ความหมายต่อวงการแพทย์และการกีฬา
ผลการวิจัยนี้สร้างความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับ CTE ว่า
- โรคนี้อาจมี “องค์ประกอบทางพันธุกรรม” คล้ายกับโรคสมองเสื่อมอื่น ๆ
- การบาดเจ็บเพียงอย่างเดียวอาจไม่พอที่จะก่อให้เกิด CTE แต่ต้องมีปัจจัยภายในร่างกายร่วมด้วย เช่น ภูมิคุ้มกันที่ตอบสนองผิดปกติ หรือระบบหลอดเลือดสมองที่อ่อนแอ
สำหรับวงการกีฬา นี่คือสัญญาณเตือนว่า
- การป้องกันแรงกระแทกเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องมีมาตรการดูแลระยะยาว เช่น การตรวจสุขภาพสมองเป็นประจำ หรือการเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เล่น
- หน่วยงานรัฐและสมาคมกีฬาควรส่งเสริม การวิจัยทางพันธุกรรมและชีวเครื่องหมาย (Biomarkers) เพื่อหาวิธีตรวจจับ CTE ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
⚠️ ประเด็นที่ควรตระหนักสำหรับคนทั่วไป
- CTE ยังไม่สามารถวินิจฉัยได้ในขณะที่มีชีวิตอยู่ ต้องตรวจสมองหลังเสียชีวิตเท่านั้น
- อาการอาจเริ่มจากสิ่งเล็กน้อย เช่น นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย หรือหลงลืม ซึ่งควรได้รับการประเมินโดยแพทย์เฉพาะทาง
- องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) และ สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (National Institutes of Health: NIH) ต่างแนะนำให้ป้องกันการกระแทกศีรษะซ้ำ ๆ โดยเฉพาะในเด็กและนักกีฬาวัยรุ่น
🧩 ปัจจัยทางพันธุกรรมที่อาจเกี่ยวข้อง
นักวิทยาศาสตร์กำลังให้ความสนใจกับยีนที่ชื่อว่า MAPT ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างโปรตีน Tau ในสมอง
การกลายพันธุ์ของยีนนี้ในบางคนอาจทำให้สมอง “ไวต่อการเสื่อม” เมื่อได้รับแรงกระแทกซ้ำ ๆ
การค้นหาความเชื่อมโยงระหว่าง ยีน MAPT และ CTE จึงอาจช่วยให้เราระบุ “ผู้มีความเสี่ยงสูง” ได้ในอนาคต
🛡️ แนวทางป้องกันและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
- ลดจำนวนครั้งและความรุนแรงของแรงกระแทกศีรษะ โดยเฉพาะในกีฬาที่มีการชนบ่อย เช่น มวย ฟุตบอลอเมริกัน หรือรักบี้
- หมั่นสังเกตอาการผิดปกติหลังการกระแทก เช่น ปวดหัวเรื้อรัง สับสน หรืออารมณ์แปรปรวน และรีบปรึกษาแพทย์
- ส่งเสริมความรู้เรื่องความปลอดภัยของสมองในเยาวชน เพื่อป้องกันความเสี่ยงระยะยาว
- ติดตามงานวิจัยใหม่ ๆ จากหน่วยงานระดับโลก เช่น CDC, NIH และ WHO เพื่ออัปเดตแนวทางการป้องกันและตรวจคัดกรอง
📚 แหล่งอ้างอิงจากหน่วยงานวิชาการและภาครัฐ
- Dong G. Diverse somatic genomic alterations in single neurons in CTE (Science, 2024)
- ข้อมูลจาก ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (Centers for Disease Control and Prevention: CDC)
- รายงานของ สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (National Institutes of Health: NIH)
- ข้อมูลจาก องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO)
- คู่มือแนวทางการจัดการบาดเจ็บศีรษะของ กระทรวงสาธารณสุข (Ministry of Public Health: MOPH)
- งานวิจัยจาก มหาวิทยาลัยบอสตัน (Boston University) และ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard Medical School)
สรุป:
โรคสมองเสื่อมจากการกระทบกระแทกเรื้อรัง (CTE) เป็นโรคที่ซับซ้อนมากกว่าที่เคยคิดไว้
นอกจากแรงกระแทกศีรษะแล้ว ความเสียหายทางพันธุกรรมในเซลล์สมองก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน
การเข้าใจกลไกนี้จะช่วยให้เรา “ป้องกันสมอง” ได้ดียิ่งขึ้น และนำไปสู่แนวทางตรวจรักษาที่แม่นยำในอนาคต.
หมายเหตุสำคัญสำหรับผู้อ่านเว็บไซต์ 🧩
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์เชิงวิชาการจากงานวิจัยต่างประเทศที่ตีพิมพ์ในวารสารระดับนานาชาติ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจโรค “สมองเสื่อมจากการกระทบกระแทกเรื้อรัง (Chronic Traumatic Encephalopathy: CTE)” และผลการค้นพบล่าสุดเกี่ยวกับ “ความเสียหายทางพันธุกรรมในสมอง” ที่เกี่ยวข้องกับโรคนี้
เนื้อหาทั้งหมดไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้แทนคำวินิจฉัยหรือคำแนะนำทางการแพทย์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากผู้อ่านมีอาการหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพสมอง ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านประสาทวิทยา (Neurologist) หรือแพทย์เวชศาสตร์การกีฬา (Sports Medicine Physician) เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับแต่ละบุคคล
ข้อมูลทั้งหมดได้รับการเรียบเรียงจากแหล่งอ้างอิงทางวิชาการที่เชื่อถือได้ เช่น ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (Centers for Disease Control and Prevention: CDC), สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (National Institutes of Health: NIH), องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO), และมหาวิทยาลัยบอสตัน (Boston University)
