
(ภาพประกอบ)
ผู้วิจัยสหรัฐเผยแพร่ข้อมูลชิ้นแรกของประเทศที่แสดงองค์ประกอบและความหลากหลายของจุลินทรีย์ในช่องปากอย่างครอบคลุม พร้อมเปิดประตูสู่ความเข้าใจใหม่ว่าความหลากหลายทางชีวภาพในปากส่งผลอย่างไรต่อโรคเรื้อรังในร่างกาย
ภาพรวมงานวิจัย: ช่องปากคือ “แหล่งชีวภาพ” ที่ไม่ควรมองข้าม
ในงานวิจัยใหม่ที่เพิ่งเผยแพร่โดย JAMA Network Open ทีมวิจัยจากสหรัฐอเมริกาได้วิเคราะห์ตัวอย่างน้ำลายจากผู้ใหญ่กว่า 8,200 คนที่เข้าร่วมในโครงการ National Health and Nutrition Examination Survey (NHANES) ระหว่างปี 2009 ถึง 2012 โดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์ดีเอ็นเอของจุลินทรีย์ (16S rRNA gene sequencing) เพื่อสำรวจว่า “ชุมชนจุลินทรีย์ในช่องปาก” หรือ oral microbiome มีองค์ประกอบอะไรบ้างในประชากรสหรัฐฯ อย่างแท้จริง
จุลินทรีย์หลัก 6 กลุ่มพบในคนเกือบทั้งหมด
จากการสำรวจ พบว่าชาวอเมริกันผู้ใหญ่แทบทุกคน (มากกว่า 99%) มีจุลินทรีย์ 6 สกุลหลักในช่องปาก ได้แก่
- Veillonella
- Streptococcus
- Prevotella 7
- Rothia
- Actinomyces
- Gemella
จุลินทรีย์กลุ่มนี้มีปริมาณรวมคิดเป็นกว่า 65.7% ของปริมาณจุลินทรีย์ทั้งหมดในช่องปากของผู้เข้าร่วมการศึกษา ทำให้เกิดแนวคิดว่าอาจมี “แกนกลางจุลินทรีย์” (core microbiome) ที่เป็นสากลในมนุษย์
ปัจจัยแวดล้อมมีผลเพียงเล็กน้อย – แต่มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงได้
แม้การศึกษาจะพยายามวิเคราะห์ความหลากหลายของจุลินทรีย์ด้วยปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ เชื้อชาติ พฤติกรรมการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ดัชนีมวลกาย (BMI) และโรคเหงือก แต่ปัจจัยเหล่านี้รวมกันสามารถอธิบายความแตกต่างของชุมชนจุลินทรีย์ได้เพียงไม่ถึง 9% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม จุลินทรีย์บางกลุ่ม เช่น Aggregatibacter, Lactococcus และ Haemophilus แสดงความเกี่ยวข้องสูงกับความหลากหลายระหว่างบุคคล โดยสามารถอธิบายความแตกต่างของโครงสร้างจุลินทรีย์ได้ถึง 18-22% ในบางมาตรวัด
องค์ประกอบจุลินทรีย์แปรผันตามวัย เชื้อชาติ และสุขภาพช่องปาก
- อายุ: ความหลากหลายสูงสุดของจุลินทรีย์พบที่อายุประมาณ 30 ปี แล้วลดลงตามวัย
- เชื้อชาติ: คนผิวขาวที่ไม่ใช่ฮิสแปนิกมีความหลากหลายต่ำกว่ากลุ่มอื่น
- สุขภาพเหงือก: โรคปริทันต์มีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มจุลินทรีย์ที่เฉพาะเจาะจง
- การสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์: มีผลต่อการเพิ่ม/ลดของบางสกุลจุลินทรีย์ โดยเฉพาะกลุ่ม Actinobacteria
ความหมายและความสำคัญ: จุดเริ่มต้นของมาตรฐานอ้างอิงจุลินทรีย์ในช่องปาก
ข้อมูลที่ได้จากการศึกษานี้สามารถใช้เป็น “มาตรฐานอ้างอิงระดับชาติ” เพื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มผู้ป่วยหรือประชากรที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรค เช่น มะเร็ง ลำไส้อักเสบ เบาหวาน และโรคหัวใจ
ความแตกต่างของจุลินทรีย์ในช่องปากอาจเป็นทั้ง สัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า หรือ กลไกที่มีส่วนก่อให้เกิดโรค การศึกษานี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนมุมมองต่อ “ช่องปาก” จากแค่เรื่องทันตกรรมสู่บทบาทใหม่ในสุขภาพแบบองค์รวม
บทวิเคราะห์: “จุลินทรีย์ในปาก” อาจเป็นกุญแจไขรหัสโรคเรื้อรังในอนาคต
ในยุคที่วิทยาศาสตร์มุ่งหน้าไปสู่แนวคิด precision medicine หรือการแพทย์เฉพาะบุคคล การเข้าใจ ecosystem จุลินทรีย์ในร่างกายกลายเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่ง การมีมาตรฐานอ้างอิงระดับประเทศจากกลุ่มประชากรแท้จริง เช่น NHANES ทำให้สามารถระบุ “ความผิดปกติ” ได้ชัดเจนขึ้น
แม้ว่าปัจจัยเช่นอาหาร การแปรงฟัน หรือการใช้ยาปฏิชีวนะอาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ยังไม่ได้ครอบคลุมในการศึกษานี้ แต่การมีจุดเริ่มต้นที่มั่นคงช่วยให้วงการแพทย์สามารถขยับไปสู่การวินิจฉัยและป้องกันโรคผ่าน microbiome ได้มากยิ่งขึ้น.
แหล่งอ้างอิง:
- JAMA Network Open. Oral Microbiome Profile of the US Population. 2025. doi:10.1001/jamanetworkopen.2025.8283