มะเขือเทศไม่เพียงแต่เป็นผักที่มีรสชาติอร่อย และใช้ในหลายเมนูอาหาร แต่ยังมีคุณประโยชน์มากมายที่ช่วยดูแลสุขภาพของเรา โดยเฉพาะในเรื่องของการลดความดันโลหิตสูง หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “โรคความดันโลหิตสูง” (Hypertension) ซึ่งเป็นโรคที่สามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรงอื่นๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด
1. มะเขือเทศช่วยลดความดันโลหิตสูง
การศึกษาที่ชื่อว่า PREDIMED ซึ่งเป็นการวิจัยที่ศึกษาผลของอาหารในผู้สูงอายุ พบว่า ผู้ที่บริโภคมะเขือเทศมากกว่า 110 กรัมต่อวัน (ประมาณมะเขือเทศขนาดใหญ่ 1 ลูก) มีความเสี่ยงของการเกิดโรคความดันโลหิตสูงลดลงถึง 36% เมื่อเทียบกับคนที่บริโภคมะเขือเทศน้อยกว่า 44 กรัมต่อวัน
2. สารสกัดจากมะเขือเทศช่วยลดความดันโลหิต
อีกหนึ่งการศึกษาที่รวบรวมจากงานวิจัยจำนวน 11 งานศึกษา พบว่า สารสกัดจากมะเขือเทศ (Standardized Tomato Extract: STE) ช่วยลดความดันโลหิตในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีความดันโลหิตสูงระดับ 1 และ 2
3. น้ำมะเขือเทศช่วยลดความดันโลหิต
น้ำมะเขือเทศที่ไม่มีการเติมเกลือยังมีประโยชน์ในการลดความดันโลหิต การศึกษาหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นพบว่า การดื่มน้ำมะเขือเทศวันละ 1 แก้วช่วยลดความดันโลหิตทั้งซิสโตลิก (ตัวเลขบน) และไดแอสโตลิก (ตัวเลขล่าง) ได้อย่างมีนัยสำคัญ
4. ไลโคปีนในมะเขือเทศช่วยลดการอักเสบและลดความดันโลหิต
ไลโคปีน (Lycopene) สารสีแดงในมะเขือเทศมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบในร่างกาย และยังช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวได้ดีขึ้น ช่วยทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ส่งผลให้ความดันโลหิตลดลง
ข้อสรุป
การรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้ โดยการบริโภคในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมะเขือเทศสด น้ำมะเขือเทศที่ไม่มีการเติมเกลือ หรือแม้แต่ซุปมะเขือเทศ ล้วนช่วยให้สุขภาพหัวใจและหลอดเลือดของคุณดีขึ้น และยังช่วยลดความดันโลหิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หมายเหตุสำคัญสำหรับผู้อ่านเว็บไซต์
- ข้อมูลเพื่อการศึกษา: บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ของมะเขือเทศในการลดความดันโลหิตสูง ข้อมูลทั้งหมดในบทความนี้อ้างอิงจากงานวิจัยทางการแพทย์และการศึกษาในสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ แต่ไม่สามารถทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์จากผู้เชี่ยวชาญได้
- ปรึกษาแพทย์: หากคุณมีอาการความดันโลหิตสูง หรือมีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะทำการเปลี่ยนแปลงอาหารหรือการรักษาใดๆ
- ข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงได้: ผลลัพธ์จากการวิจัยและคำแนะนำในบทความอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามเวลาหรือการศึกษาใหม่ๆ โปรดตรวจสอบข้อมูลที่อัปเดตอย่างสม่ำเสมอ
- ความรับผิดชอบ: เว็บไซต์นี้ไม่รับผิดชอบต่อผลกระทบใดๆ ที่อาจเกิดจากการใช้ข้อมูลหรือคำแนะนำในบทความ โดยเฉพาะในการนำไปใช้ในการดูแลสุขภาพของตัวเอง
- แหล่งอ้างอิง: ข้อมูลในบทความได้รับการสนับสนุนจากแหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้ เช่น งานวิจัยทางการแพทย์และองค์กรต่างๆ หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือข้อสงสัยใดๆ สามารถศึกษาเพิ่มเติมจากแหล่งอ้างอิงที่ได้ระบุไว้ในตอนท้ายของบทความ.
แหล่งอ้างอิง :
- ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (Centers for Disease Control and Prevention: CDC)
- สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพแห่งประเทศไทย (Thailand Institute of Scientific and Technological Research: TISTR)






