Posted on Leave a comment

งานวิจัยเผยว่าคนจำนวนมากที่ใช้ผลิตภัณฑ์ปรับสีผิวให้ขาวขึ้นนั้นไม่ทราบถึงความเสี่ยงที่อาจเป็นอันตรายที่เกี่ยวข้อง

มีงานศึกษาวิจัยที่เผยแพร่ในวารสารโรคผิวหนังสตรีนานาชาติ(International Journal of Women’s Dermatology) ที่เผยให้เห็นว่าบุคคลที่ใช้ผลิตภัณฑ์ปรับสีผิวให้ขาวขึ้นมักไม่ทราบเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เป็นอันตรายที่อาจเกิดขึ้น และไม่ได้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะลองใช้ นอกจากนี้ ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมักจะมีทัศนคติเกี่ยวกับสีผิวที่ว่าบุคคลที่มีผิวสีอ่อนจะมีความงามและมีข้อได้เปรียบทางสังคมมากกว่าเมื่อเทียบกับผู้ที่มีผิวสีคล้ำ การวิเคราะห์ที่ดำเนินการโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยน็อทเวสเทิร์น (Northwestern University) ได้ทำการสำรวจโดยไม่ระบุตัวตนของผู้เข้าร่วมรับการสำรวจจำนวน 455 คนที่ระบุเพียงว่าตนเองเป็นคนผิวดำ คนเอเชีย ฮิสแปนิก ชนพื้นเมือง หรือคนหลายเชื้อชาติ โดยเน้นไปที่การใช้ผลิตภัณฑ์ปรับสีผิวให้ขาวขึ้น การศึกษามีวัตถุประสงค์เพื่อให้แน่ใจว่าความเชื่อเรื่องสีผิวมีอิทธิพลต่อการยอมรับผลิตภัณฑ์ปรับสีผิวดังกล่าวหรือไม่

ผู้เข้ารับการสำรวจ 80% เป็นเพศหญิง และ 21.3% รายงานระบุว่าได้ใช้สารที่ทำให้ผิวขาวในบางจุดของร่างกาย ในบรรดาผู้ที่ใช้สารเพิ่มความขาวให้กับผิวตนเองนั้น 73.2% ระบุว่าตนเองซื้อผลิตภัณฑ์มาเพื่อจัดการกับปัญหาผิวของตนเอง เช่น สิวหรือรอยดำ ในขณะที่ 26.8% ซื้อผลิตภัณฑ์ปรับสีผิวมาเพื่อการใช้งานทั่วไป และมีเพียง 22.6% เท่านั้นที่มีการขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ก่อนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์

ที่น่าตกใจคือในการวิจัยครั้งนี้พบว่า เกือบครึ่งหนึ่งของผู้เข้าร่วมรับการสำรวจไม่ทราบว่าในผลิตภัณฑ์ปรับสีผิวให้ขาวกระจ่างใสนั้นมีส่วนผสมของสารที่ออกฤทธิ์ นี่เป็นข้อกังวลที่สำคัญที่นักวิจัยเน้นย้ำ เนื่องจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการควบคุมซึ่งอาจมีสารอันตราย เช่น สารปรอท และสารออกฤทธิ์ชนิดหนึ่งที่มีรายงานพบบ่อยในผลิตภัณฑ์เหล่านี้คือ ไฮโดรควิโนน ซึ่งเชื่อมโยงและส่งผลกับปัญหาผิวต่างๆ เริ่มตั้งแต่ผิวหนังอักเสบจากการสัมผัสไปจนถึงโรคตา ซึ่งในปี พ.ศ. 2565 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกคำแนะนำเพื่อเตือนไม่ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ปรับผิวขาวที่มีสาร “ไฮโดรควิโนน”