การศึกษาวิจัยล่าสุดที่เผยแพร่ในวารสารทางการแพทย์บีเอ็มเจ (BMJ) บ่งชี้ว่า “ขมิ้น” ซึ่งมีสารประกอบเคอร์คูมิน อาจเป็นทางเลือกในการรักษาอาการอาหารไม่ย่อยได้ การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของยาโอเมปราโซล (Omeprazole) ซึ่งเป็นยาที่ใช้กันทั่วไปในการลดกรดในกระเพาะ โดยใช้ขมิ้นและยาโอเมปราโซล ทั้งสองชนิดนี้ร่วมกันในผู้ที่มีอาการอาหารไม่ย่อยจำนวนกว่า 150 คน
การประเมินใช้แบบสอบถามเพื่อประเมินความรุนแรงของอาการปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้และอิ่มเร็วของผู้เข้าร่วมโครงการในวันที่ 28 และในวันที่ 56 พบว่ากลุ่มที่รับประทานยาโอเมปราโซล กลุ่มที่รับประทานขมิ้น และกลุ่มที่รับประทานทั้งสองอย่างร่วมกัน ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ
ขมิ้นมีประวัติการใช้ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อรักษาอาการไม่สบายท้องและการอักเสบ และมีชื่อเสียงในด้านคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ ในสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่จะใช้เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับบรรเทาอาการต่างๆ เช่น โรคข้อเข่าเสื่อมและอาการลำไส้แปรปรวน
อย่างไรก็ตาม การศึกษาวิจัยนี้เป็นเพียงการทดลองทางคลินิกครั้งแรกโดยตรงที่เปรียบเทียบเคอร์คูมินที่มีอยู่ในขมิ้นกับยาโอเมปราโซลในการรักษาอาการอาหารไม่ย่อย
แม้ว่าการศึกษาวิจัยจะชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของขมิ้นในการเป็นทางเลือกสำหรับการรักษาอาการอาหารไม่ย่อย แต่ก็ยังมีคำถามอยู่บ้างเกี่ยวกับ “ระดับ” ที่ใช้ในการวัดอาการในการวิจัยนี้ไม่ใช่ “ระดับ” ที่ใช้กันทั่วไปในการประเมินการลดอาการอาหารไม่ย่อย และจำเป็นต้องมีการวัดอาการบ่อยขึ้นเพื่อการประเมินที่ครอบคลุม ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จึงแนะนำให้ระมัดระวังและปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานขมิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่กำลังใช้ยาอื่นอยู่ สารสกัดจากขมิ้นอาจมีผลข้างเคียง เช่น อาการภูมิแพ้และเพิ่มความเสี่ยงต่อการตกเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดหรือยาต้านเกล็ดเลือด
โดยสรุป แม้ว่าการศึกษาจะชี้ให้เห็นถึงประสิทธิภาพของขมิ้นในการรักษาอาการอาหารไม่ย่อย แต่จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดประสิทธิผลอย่างเต็มที่ ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์หรือควรปรึกษาผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพก่อนที่จะใช้ขมิ้นเป็นทางเลือกในการรักษา และเพื่อให้มีเวลาเพียงพอในการประเมินผลกระทบต่ออาการที่จะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย.