Posted on

Bitcoin พุ่งทำสถิติใหม่ $100,000 หลังทรัมป์เลือกผู้สนับสนุนคริปโตเป็นประธาน SEC

ราคาบิตคอยน์พุ่งแตะ $100,000 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อวันพุธ หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่ง ประกาศเลือก พอล แอตกินส์ ผู้สนับสนุนคริปโตคนสำคัญให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางนโยบายด้านคริปโตเคอเรนซี

การเปลี่ยนแปลงท่าทีของทรัมป์ต่อคริปโต
ทรัมป์เคยวิจารณ์คริปโตว่าเป็น “สิ่งไร้ค่าและผันผวน” แต่เขากลับลำในช่วงก่อนการเลือกตั้งเพื่อดึงดูดกลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งรุ่นใหม่ โดยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เขาได้เข้าร่วมงานประชุมคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในแนชวิลล์ และประกาศว่าจะสร้าง “คลังสำรองบิตคอยน์แห่งชาติ” รวมถึงเปลี่ยนแนวทางของรัฐบาลในการจัดการบิตคอยน์ที่ยึดได้จากอาชญากร โดยจะเก็บไว้แทนที่จะนำไปประมูลขาย

ทรัมป์ยังเริ่มต้นธุรกิจคริปโตของตัวเองชื่อ World Liberty Financial ในเดือนกันยายน และใช้บิตคอยน์ซื้อเบอร์เกอร์ที่ร้านในแมนฮัตตันเพื่อโปรโมตการใช้คริปโต นอกจากนี้ สื่อของเขา Truth Social กำลังอยู่ในระหว่างเจรจาซื้อแพลตฟอร์มการซื้อขายคริปโต Bakkt ตามรายงานของ Financial Times

ความคาดหวังต่อนโยบายคริปโตยุคทรัมป์
การสนับสนุนคริปโตของทรัมป์ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากชุมชนคริปโต ซึ่งช่วยระดมทุนให้เขาและพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งครั้งนี้กว่า $131 ล้าน นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเปิดรับบริจาคเป็นคริปโตตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และระดมทุนได้หลายล้านดอลลาร์จากแคมเปญดังกล่าว

พอล แอตกินส์ ซึ่งทรัมป์เลือกเป็นประธาน SEC คาดว่าจะใช้นโยบายที่เปิดกว้างต่อคริปโต ต่างจากแกรี เกนส์เลอร์ ผู้นำคนปัจจุบันที่เน้นการควบคุมอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด แอตกินส์ยังได้รับการสนับสนุนจากผู้สนับสนุนคริปโตรายใหญ่ เช่น CEO ของ Cantor Fitzgerald, ฮาวเวิร์ด ลัทนิก ซึ่งเป็นผู้สนับสนุน Tether คริปโตอันดับต้น ๆ ของโลก

มุมมองของหน่วยงานกำกับดูแลรายอื่น
แม้คริปโตจะได้รับแรงสนับสนุนจากทรัมป์และชุมชน แต่ยังคงมีผู้วิจารณ์ในวงการการเงิน เช่น ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เจอโรม พาวเวลล์ ซึ่งมองว่าบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์เพื่อเก็งกำไรและไม่ใช่คู่แข่งของดอลลาร์ โดยเขาเปรียบเทียบว่าบิตคอยน์มีลักษณะคล้ายกับทองคำมากกว่า

อนาคตที่สดใสของคริปโตในยุคทรัมป์
ด้วยการสนับสนุนอย่างชัดเจนจากทรัมป์ ชุมชนคริปโตคาดหวังว่านโยบายคริปโตในยุคใหม่จะเปิดทางให้การพัฒนาและการใช้งานคริปโตในสหรัฐเป็นไปได้อย่างก้าวกระโดด ซึ่งอาจพลิกโฉมวงการการเงินและเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต.