Posted on

5 อาหารก่อมะเร็งที่ต้องระวังในครัวเรือน

อาหารในครัวเรือนที่คุ้นเคยและมีอยู่แทบทุกบ้าน อาจกลายเป็นภัยเงียบที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง หากเก็บรักษาไม่ถูกต้อง นายแพทย์เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ได้เปิดเผยว่า อาหาร 5 ประเภทนี้ มีโอกาสปนเปื้อนเชื้อราและสารพิษอะฟลาท็อกซิน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งร้ายแรงหากไม่ระมัดระวังในการเก็บรักษา

1. ข้าวสาร

ข้าวสารเป็นของที่ทุกบ้านต้องมีติดครัว แต่หากเก็บในที่อับชื้น เชื้อรา Aspergillus flavus อาจเจริญเติบโตและผลิตสารอะฟลาท็อกซินได้ ซึ่งความร้อนจากการหุงข้าวไม่สามารถกำจัดสารพิษนี้ได้ การป้องกันที่ดีที่สุดคือเก็บข้าวสารในที่แห้งและเย็น เช่น ในถังพลาสติกที่ปิดสนิท และหากพบว่ามีกลิ่นเหม็นอับหรือจุดราสีดำ ควรทิ้งทันที

2. ถั่วลิสง

ถั่วลิสงเป็นอาหารที่เชื้อราชอบ โดยเฉพาะในที่ชื้นหรืออากาศไม่ถ่ายเท เชื้อราประเภท Aspergillus flavus และ Aspergillus parasiticus สามารถผลิตอะฟลาท็อกซินที่ส่งผลเสียร้ายแรงต่อตับ ควรเก็บถั่วลิสงในภาชนะที่ปิดสนิทในที่แห้งและเย็น และหากพบจุดสีเขียวหรือกลิ่นแปลก ควรทิ้งทันที

3. พริกแห้ง

แม้จะเป็นเครื่องปรุงสำคัญในครัวไทย แต่พริกแห้งที่เก็บในที่ชื้นสามารถเกิดเชื้อราและสารอะฟลาท็อกซินได้ เพื่อป้องกัน ควรเก็บในถุงปิดสนิทและหลีกเลี่ยงความชื้น หากพบจุดราสีขาวหรือเขียว ควรทิ้งทันที อย่านำไปตากแดดเพราะสารพิษจะยังคงอยู่

4. กระเทียม

กระเทียมที่เก็บไว้นานหรือในที่ชื้น อาจมีจุดสีเขียวหรือดำ ซึ่งเป็นสัญญาณของเชื้อรา เชื้อรานี้สามารถสร้างอะฟลาท็อกซินที่สะสมในร่างกายและเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง ควรเก็บกระเทียมในที่แห้งและอากาศถ่ายเทดี และหากพบจุดราหรือกลิ่นอับ ควรทิ้งทันที

5. หอมแดง

หอมแดงที่เก็บในถุงพลาสติกหรือที่อับชื้นมักเกิดเชื้อราได้ง่าย เชื้อราบนหอมแดงสามารถผลิตอะฟลาท็อกซิน ซึ่งอาจกระจายไปทั่วแม้จะเห็นเพียงจุดเล็กๆ ควรเก็บในที่แห้ง อากาศถ่ายเท และหลีกเลี่ยงถุงพลาสติกที่ปิดสนิท

วิธีป้องกัน

  • เก็บอาหารในภาชนะปิดสนิทในที่แห้งและเย็น
  • หมั่นตรวจสอบอาหารว่ามีเชื้อราหรือกลิ่นผิดปกติหรือไม่
  • ทิ้งอาหารที่มีเชื้อราทันที ไม่ควรขูดราหรือใช้ส่วนที่ดูเหมือนปกติ
  • ทำความสะอาดภาชนะเก็บอาหารด้วยน้ำร้อนและสบู่เพื่อป้องกันการปนเปื้อนซ้ำ

สรุป

อาหารที่คุ้นเคยในครัวเรือนสามารถกลายเป็นภัยสุขภาพได้หากเก็บรักษาไม่ดี การใส่ใจในวิธีการเก็บอาหารไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงมะเร็ง แต่ยังเป็นการดูแลสุขภาพของทุกคนในครอบครัวอย่างยั่งยืน.