เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2568 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ออกประกาศนโยบายใหม่ให้ ระงับชั่วคราวและตรวจสอบซ้ำทุกกรณีการเข้าเมือง ของผู้ยื่นคำขอจาก 19 ประเทศที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศเสี่ยงสูง โดยครอบคลุมถึงผู้ที่ยื่นขอกรีนการ์ด, ขอแปลงสัญชาติ, ขอวีซ่าทุกประเภท และแม้กระทั่งบางกรณีของผู้ขอลี้ภัย
หน่วยงานที่รับผิดชอบหลักคือ สำนักงานบริการสัญชาติและคนเข้าเมืองของสหรัฐอเมริกา (United States Citizenship and Immigration Services – USCIS) ภายใต้การกำกับของ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐอเมริกา (Department of Homeland Security – DHS) ซึ่งจะดำเนินการตรวจสอบซ้ำทุกเคสแบบละเอียดมากขึ้น ทั้งการตรวจสอบข้อมูลชีวมาตร (Biometric Data), การสัมภาษณ์ใหม่, และการตรวจสอบประวัติการเดินทางย้อนหลัง
🇺🇸📜 สาระสำคัญของนโยบาย
- ระงับการพิจารณาชั่วคราว สำหรับผู้ยื่นคำขอเข้าเมืองจาก 19 ประเทศที่มีความเสี่ยงสูงด้านความมั่นคง
- ตรวจสอบใหม่แบบเข้มงวด รวมถึงการสัมภาษณ์ซ้ำ, ตรวจสอบข้อมูลสื่อสังคมออนไลน์, และข้อมูลทางชีวมาตร เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ยื่นคำขอไม่มีประวัติเกี่ยวข้องกับภัยคุกคามต่อประเทศ
- ประเทศที่คาดว่าจะอยู่ในรายชื่อ เช่น อัฟกานิสถาน, อิหร่าน, โซมาเลีย, ลิเบีย, เยเมน, เมียนมา, คิวบา, เฮติ, ซูดาน, เวเนซุเอลา เป็นต้น
- กระบวนการนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย “ทบทวนประเทศที่น่ากังวล (Countries of Concern Review)” ซึ่งรัฐบาลสหรัฐอเมริกานำมาใช้หลังเกิดเหตุรุนแรงในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
🔍 เหตุผลที่สหรัฐอเมริกาดำเนินมาตรการนี้
รัฐบาลสหรัฐอเมริการะบุว่า นโยบายใหม่นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ เสริมสร้างความปลอดภัยภายในประเทศ และ ลดความเสี่ยงด้านความมั่นคง หลังจากเกิดเหตุการณ์โจมตีในพื้นที่สำคัญทางการเมือง การตรวจสอบซ้ำทุกเคสจากประเทศเสี่ยงสูงจึงถูกมองว่าเป็นวิธีการป้องกันล่วงหน้า
นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับ คำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี ที่ออกในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2568 ซึ่งได้จำกัดการเดินทางจากประเทศเสี่ยงไว้แล้วก่อนหน้านี้ โดยนโยบายใหม่ถือเป็นการ “ต่อยอด” ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
🧭 กลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
- ผู้ยื่นคำขอจากต่างประเทศ
ผู้ที่ยื่นขอวีซ่าชั่วคราวหรือถาวรอาจต้องเผชิญกับการพิจารณาที่ใช้เวลานานขึ้น หรือถูกเรียกสัมภาษณ์เพิ่มเติม โดยอยู่ภายใต้การดูแลของ กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (United States Department of State – USDOS) - ผู้ที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาและกำลังปรับสถานะ
เคสที่รอการอนุมัติ เช่น การขอกรีนการ์ดหรือแปลงสัญชาติ อาจถูกเรียกสัมภาษณ์ซ้ำ และมีการตรวจสอบความปลอดภัยเชิงลึกเพิ่มเติมโดย สำนักงานบริการสัญชาติและคนเข้าเมืองของสหรัฐอเมริกา (USCIS) - ผู้ขอลี้ภัยและผู้ถือเอกสารพิเศษ
กลุ่มผู้ลี้ภัยจากบางประเทศ เช่น อัฟกานิสถาน อาจต้องผ่านการตรวจสอบความเสี่ยงเชิงลึกมากขึ้น และการพิจารณาอาจล่าช้า
⚖️ มุมมองด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชน
นักกฎหมายสิทธิมนุษยชนในสหรัฐอเมริกาแสดงความกังวลว่า มาตรการนี้อาจ ละเมิดหลักการไม่เลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติและศาสนา เพราะการจำกัดสิทธิตามประเทศต้นทางอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายรัฐบาลชี้แจงว่า นโยบายนี้เป็น อำนาจตามกฎหมายของฝ่ายบริหารด้านความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเคยได้รับการรับรองจาก ศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกา แล้วในบางคดี เช่น “Travel Ban” ที่บังคับใช้ช่วงปี พ.ศ. 2560
🧪 มุมมองทางวิชาการและงานวิจัย
- ด้านสาธารณสุขและโรคระบาด
งานวิจัยจาก วารสารการแพทย์ British Medical Journal (BMJ Global Health) พบว่า มาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศช่วย ชะลอการแพร่ระบาดของโรค ได้ในระยะสั้น เช่น ช่วงโควิด-19 แต่ไม่สามารถป้องกันได้อย่างสมบูรณ์ - ด้านความมั่นคงและการก่อการร้าย
รายงานจาก มหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ (University of Maryland) และ British Journal of Political Science พบว่า ความเชื่อมโยงระหว่างการอพยพกับการก่อการร้าย ไม่ชัดเจนและซับซ้อน หลักฐานส่วนใหญ่ชี้ว่า “มาตรการเข้มชายแดน” อาจมีผลเชิงอ้อม แต่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ทางสถิติที่ชัดเจน - ด้านเศรษฐกิจและการเดินทาง
การจำกัดวีซ่าและการตรวจเข้มข้นส่งผลให้ การท่องเที่ยวและธุรกิจระหว่างประเทศชะลอตัว งานวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์ชี้ว่าผลกระทบเชิงลบทางเศรษฐกิจอาจมากกว่าผลเชิงบวกด้านความมั่นคงในระยะยาว
🌏 ผลกระทบต่อคนไทยและภาคธุรกิจไทย
แม้ประเทศไทยจะ ไม่อยู่ในรายชื่อ 19 ประเทศเสี่ยงสูง แต่หากมีกรณีของบุคคลที่มีสองสัญชาติ หรือยื่นขอพร้อมกับสมาชิกครอบครัวจากประเทศในรายชื่อดังกล่าว ก็อาจได้รับผลกระทบจากกระบวนการตรวจสอบซ้ำ
ธุรกิจไทยที่มีการจ้างแรงงานต่างชาติ หรือมีคู่ค้าทางธุรกิจจากประเทศในกลุ่มเสี่ยง ควรวาง แผนสำรองทางธุรกิจ (Contingency Plan) เพราะการขอวีซ่า การเดินทาง หรือการยื่นขอถาวรอาจล่าช้าเป็นเดือน
🧭 คำแนะนำสำหรับผู้เดินทางและผู้ยื่นคำขอ
- ควรติดตามประกาศล่าสุดจาก กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐอเมริกา (DHS) และ สำนักงานบริการสัญชาติและคนเข้าเมืองของสหรัฐอเมริกา (USCIS)
- เตรียมเอกสารยืนยันตัวตนและหลักฐานการทำงานให้พร้อม หากถูกเรียกสัมภาษณ์ซ้ำ
- เผื่อเวลาในการเดินทางและการตรวจสอบที่อาจใช้เวลานานขึ้น โดยเฉพาะขั้นตอนตรวจชีวมาตรและตรวจประวัติความปลอดภัย
📊 บทสรุปเชิงนโยบาย
นโยบายใหม่ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเป็นการเพิ่มระดับการตรวจสอบด้านความมั่นคงจากประเทศเสี่ยงสูง ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจในระบบตรวจคนเข้าเมือง แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างผลกระทบต่อ สิทธิมนุษยชนและเศรษฐกิจโลก งานวิจัยชี้ว่า แม้มาตรการเหล่านี้ช่วย “ชะลอความเสี่ยง” ได้บ้าง แต่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า “ลดภัยคุกคาม” ได้จริงอย่างมีนัยสำคัญ
ผู้ที่มีแผนเดินทางหรือยื่นขอเข้าเมืองสหรัฐอเมริกา ควรติดตามข่าวสารจากหน่วยงานทางการอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับแผนและเตรียมเอกสารให้พร้อมในทุกขั้นตอน
🏛️ แหล่งอ้างอิง
- กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐอเมริกา (Department of Homeland Security – DHS)
- สำนักงานบริการสัญชาติและคนเข้าเมืองของสหรัฐอเมริกา (United States Citizenship and Immigration Services – USCIS)
- กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (United States Department of State – USDOS)
- วารสารการแพทย์ BMJ Global Health, 2023 – ผลวิจัยเรื่องประสิทธิภาพของมาตรการจำกัดการเดินทางต่อการระบาดของโรค
- British Journal of Political Science – งานวิจัยด้านความสัมพันธ์ระหว่างการอพยพกับความมั่นคง
- มหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ (University of Maryland) – ศูนย์ศึกษาการก่อการร้ายและความมั่นคง (START Center)
- สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐอเมริกา (U.S. Bureau of Labor Statistics) – รายงานผลกระทบทางเศรษฐกิจของนโยบายจำกัดการเดินทาง
- กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศของประเทศไทย – ข่าวประชาสัมพันธ์สำหรับคนไทยในต่างประเทศ
