โยเกิร์ต (Yogurt) เป็นผลิตภัณฑ์นมหมักที่ได้รับความนิยมทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ใส่ใจสุขภาพ เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเชื่อว่าช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหาร แต่การบริโภคโยเกิร์ตยังต้องอาศัยความเข้าใจด้านโภชนาการเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงหรือความเข้าใจผิดต่าง ๆ ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกข้อดี ข้อเสีย และข้อควรระวังของโยเกิร์ตโดยอ้างอิงงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์
✅ ประโยชน์ของโยเกิร์ตที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์
1. สนับสนุนระบบย่อยอาหาร
โยเกิร์ตมี โพรไบโอติกส์ (Probiotics) ซึ่งเป็นแบคทีเรียดีที่ช่วยรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้
งานวิจัย:
การศึกษาใน Journal of Clinical Gastroenterology ปี 2010 พบว่า โยเกิร์ตที่มีสายพันธุ์ Lactobacillus และ Bifidobacterium ช่วยลดอาการลำไส้แปรปรวน (IBS) ได้อย่างมีนัยสำคัญ [1]
2. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
โพรไบโอติกส์ยังมีบทบาทในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยช่วยให้ร่างกายสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวได้ดียิ่งขึ้น
งานวิจัย:
American Journal of Clinical Nutrition (2006) รายงานว่า การบริโภคโยเกิร์ตเป็นประจำช่วยเพิ่มการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันในผู้สูงอายุ [2]
3. เสริมสร้างมวลกระดูก
โยเกิร์ตเป็นแหล่งของแคลเซียม โปรตีน และวิตามิน D ซึ่งจำเป็นต่อสุขภาพกระดูก
งานวิจัย:
การวิเคราะห์ใน Osteoporosis International (2017) พบว่า ผู้สูงอายุที่บริโภคโยเกิร์ตเป็นประจำมีความหนาแน่นของกระดูกสูงกว่าผู้ที่ไม่บริโภค [3]
4. ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและความดันโลหิต
โยเกิร์ตไขมันต่ำมีบทบาทในการลดความดันโลหิตและไขมันเลว (LDL)
งานวิจัย:
ผลการศึกษาใน American Journal of Hypertension (2018) พบว่า การบริโภคโยเกิร์ตมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ 20% [4]
⚠️ ข้อเสียและข้อควรระวังในการบริโภคโยเกิร์ต
1. โยเกิร์ตที่เติมน้ำตาลสูง
โยเกิร์ตรสผลไม้หรือโยเกิร์ตพร้อมรับประทานในเชิงพาณิชย์มักเติมน้ำตาลในปริมาณสูง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงโรคอ้วนและเบาหวาน
งานวิจัย:
ใน BMJ Open (2018) พบว่า โยเกิร์ตรสหวานหลายชนิดมีปริมาณน้ำตาลเฉลี่ยสูงถึง 10-15 กรัมต่อถ้วย ซึ่งเกินปริมาณที่แนะนำ [5]
2. ผู้แพ้นมวัว (Lactose Intolerance)
บางคนมีปัญหาในการย่อยน้ำตาลแลคโตสในนม ทำให้เกิดอาการท้องเสียหรือแน่นท้อง
งานวิจัย:
Nutrition Research Reviews (2015) แนะนำว่าผู้ที่มีอาการควรเลือกโยเกิร์ตที่มีโพรไบโอติกส์สูงหรือเป็นสูตรแลคโตสต่ำ [6]
3. อาจมีไขมันอิ่มตัวสูง (ในโยเกิร์ตชนิดเต็มไขมัน)
แม้ไขมันจะจำเป็นต่อร่างกาย แต่การบริโภคมากเกินไปอาจเพิ่มคอเลสเตอรอล
งานวิจัย:
British Journal of Nutrition (2016) พบว่าการบริโภคโยเกิร์ตเต็มไขมันเป็นประจำสัมพันธ์กับระดับ LDL สูงขึ้นในบางกลุ่ม [7]
🧠 ข้อแนะนำในการเลือกบริโภคโยเกิร์ต
- เลือกโยเกิร์ตธรรมชาติ (Plain Yogurt) แบบ ไม่เติมน้ำตาล
- พิจารณา โยเกิร์ตแบบกรีก (Greek Yogurt) หากต้องการโปรตีนสูง
- อ่านฉลากเพื่อดูปริมาณโพรไบโอติกส์และน้ำตาลต่อหน่วย
- สำหรับผู้มีอาการแพ้นม แนะนำโยเกิร์ตจากนมพืช เช่น โยเกิร์ตจากนมอัลมอนด์หรือนมมะพร้าว
📚 สรุป
โยเกิร์ตถือเป็นแหล่งอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะการสนับสนุนระบบย่อยอาหาร กระดูก และภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคควรใส่ใจเรื่องปริมาณน้ำตาล ไขมัน และอาการแพ้ เพื่อให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากโยเกิร์ต.
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- Whorwell PJ, et al. Journal of Clinical Gastroenterology. 2010;44(1):10-16.
- Gill HS, et al. American Journal of Clinical Nutrition. 2006;83(5):1048–1052.
- Laird E, et al. Osteoporosis International. 2017;28(11):3039–3045.
- Buendia JR, et al. American Journal of Hypertension. 2018;31(4):419–427.
- Moore JB, et al. BMJ Open. 2018;8(8):e021387.
- Misselwitz B, et al. Nutrition Research Reviews. 2015;28(1):82–89.
- Givens DI. British Journal of Nutrition. 2016;115(4):737–747.
