
รัฐบาลโปแลนด์เดินหน้าฝึกพลเรือนทั่วประเทศให้พร้อมรับมือการรุกราน หลังสถานการณ์ความมั่นคงในยุโรปตะวันออกตึงเครียดมากขึ้น ท่ามกลางภัยคุกคามจากรัสเซียและความกังวลต่อบทบาทของสหรัฐอเมริกาใน NATO
ในเมืองวรอตสวาฟ ประชาชนทุกเพศทุกวัยต่างเข้าร่วมโครงการฝึกทหารขั้นพื้นฐาน “Train with the Army” ซึ่งรวมถึงการยิงปืน การปฐมพยาบาล และการใส่หน้ากากกันสารพิษ โดยกองทัพโปแลนด์ระบุว่ามีผู้สมัครเกินจำนวน และรัฐบาลมีแผนขยายโครงการนี้ให้ครอบคลุมชายวัยผู้ใหญ่ทั่วประเทศ
โปแลนด์ประกาศใช้งบประมาณทางการทหารสูงถึง 5% ของ GDP ซึ่งมากที่สุดในกลุ่ม NATO พร้อมตั้งเป้าเพิ่มจำนวนทหารและกำลังสำรองเป็น 500,000 นาย เพื่อสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนจากฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะถ้อยแถลงของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีแนวโน้มลดบทบาทของสหรัฐในยุโรป ได้เพิ่มความวิตกในหมู่ชาวโปแลนด์ หลายคนเชื่อว่า NATO อาจไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยได้อย่างแท้จริง
ภายใต้ความกังวลนี้ รัฐบาลวอร์ซอจึงเร่งเจรจาความร่วมมือด้านความมั่นคงกับฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร รวมถึงหารือถึงความเป็นไปได้ในการเข้าร่วม “ร่มนิวเคลียร์” ของฝรั่งเศส เพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ
แม้จะมีความมุ่งมั่นในการเสริมกำลังทหาร แต่ผลสำรวจล่าสุดชี้ว่า มีเพียงร้อยละ 10 ของชาวโปแลนด์ที่พร้อมอาสาไปรบหากเกิดสงครามจริง ขณะที่อีกราวหนึ่งในสามระบุว่าจะพยายามหลบหนีออกนอกประเทศ
สถานการณ์นี้สะท้อนถึงความตื่นตัวและความลังเลของสังคมโปแลนด์ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างความทรงจำจากอดีตและความหวาดกลัวต่ออนาคต เมื่อสันติภาพไม่ใช่สิ่งที่ควรคาดหวัง แต่เป็นสิ่งที่ต้องเตรียมรับมือ.