Posted on

เสียงเงียบของเด็กหลากหลายอัตลักษณ์: งานวิจัยชี้ประสบการณ์จากการเลือกปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียม

(ภาพประกอบ-สร้างจาก AI)

เมื่อเพศ เชื้อชาติ และรสนิยมทางเพศมาบรรจบกันในชีวิตเด็ก

ในสังคมที่ความหลากหลายทางอัตลักษณ์กำลังได้รับการยอมรับเพิ่มขึ้น เด็กที่มีความหลากหลายทางเพศ เชื้อชาติ หรือถูกกำหนดเพศตั้งแต่กำเนิดอย่างไม่สอดคล้องกับเพศสภาพ ยังคงเผชิญกับการเลือกปฏิบัติอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะเมื่อเด็กเหล่านี้มีอัตลักษณ์ซ้อนทับหลายมิติ งานวิจัยจาก Adolescent Brain Cognitive Development (ABCD) Study ที่เผยแพร่ใน JAMA Network Open เมื่อปี 2025 ได้เผยข้อมูลเชิงลึกว่าการเลือกปฏิบัติเกิดขึ้นในรูปแบบที่ซับซ้อนและแตกต่างกันตามเพศ เชื้อชาติ และรสนิยมทางเพศ แม้ในช่วงวัยเด็กตอนต้นก็ตาม

ผลการวิจัย: เด็กผู้ชายจากกลุ่มชาติพันธุ์รองมักถูกเลือกปฏิบัติมากกว่า

จากกลุ่มตัวอย่างเด็กจำนวน 9,854 คน อายุเฉลี่ย 9.5 ปี ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า:

  • เด็กชายจากกลุ่มชาติพันธุ์หรือเชื้อชาติรอง (เช่น ลาติน, แอฟริกันอเมริกัน, เอเชีย ฯลฯ) ที่เป็นเพศทางเลือก มีแนวโน้มได้รับการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติหรือชาติพันธุ์สูงกว่ากลุ่มอื่นๆ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับเด็กหญิงที่มีคุณลักษณะเดียวกัน
  • เด็กหญิงเพศทางเลือกจากกลุ่มชาติพันธุ์รอง มีแนวโน้มถูกรังเกียจน้อยกว่าเด็กชายเพศทางเลือกจากกลุ่มเดียวกันในมิติของรสนิยมทางเพศ
  • ในทางกลับกัน เด็กเพศทางเลือกทั้งชายและหญิง มีแนวโน้มถูกเลือกปฏิบัติทางรสนิยมทางเพศ สูงกว่าเด็กที่มีรสนิยมแบบเฮเทอโรเซ็กชวล (heterosexual)

การวิเคราะห์ทางสถิติโดยใช้อัตราส่วนความเสี่ยง (Odds Ratio) ยืนยันว่าเด็กชายเพศทางเลือกจากกลุ่มชาติพันธุ์รองมีความเสี่ยงต่อการเผชิญการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติสูงกว่าเด็กชายเฮเทอโรเซ็กชวลถึง 3.17 เท่า และเด็กหญิงเพศทางเลือกจากกลุ่มเดียวกันมีความเสี่ยงสูงกว่า 2.09 เท่า

ทำไมเด็กผู้ชายถึงเผชิญการกดทับมากกว่า?

งานวิจัยให้ข้อสังเกตว่า การกดทับทางเพศสภาพ (sexism) อาจมีบทบาทสำคัญในการกำหนดว่าการเลือกปฏิบัติจะแสดงออกต่อใครมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะในวัฒนธรรมที่ค่านิยม “ความเป็นชาย” ถูกยึดถืออย่างเข้มงวด เด็กชายที่มีเพศวิถีหรือการแสดงออกที่ไม่ตรงตามบรรทัดฐาน (เช่น เด็กชายที่แสดงออกในลักษณะหญิง) อาจตกเป็นเป้าได้ง่ายกว่าเด็กหญิงที่มีลักษณะเดียวกัน

นอกจากนี้ เพศวิถีของเด็กถือเป็นลักษณะ “ซ่อนเร้น” ซึ่งการเปิดเผยหรือปกปิดอาจส่งผลต่อระดับความเครียดและการรับรู้ต่อการถูกเลือกปฏิบัติ เด็กที่ต้องปกปิดอัตลักษณ์อาจเผชิญกับความระแวงและความเครียดมากกว่ากลุ่มอื่น และอาจมีแนวโน้มรับรู้หรือประสบกับการเลือกปฏิบัติในมิติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เชื้อชาติหรือเพศสภาพ

ประเด็นทางสุขภาพ: ผลกระทบยาวนานจากการถูกเลือกปฏิบัติในวัยเด็ก

การถูกเลือกปฏิบัติไม่เพียงส่งผลทางจิตใจชั่วคราว แต่ยังสัมพันธ์กับปัญหาสุขภาพในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล หรือแม้แต่ความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่างๆ ในอนาคต งานวิจัยนี้ยืนยันว่าการเลือกปฏิบัติในวัยเด็กเป็น “ตัวกำหนดทางสังคมด้านสุขภาพ” (social determinant of health) ที่สำคัญ

ผลการศึกษายังพบว่าปัจจัยเชิงบริบท เช่น การมีครอบครัวที่อยู่ร่วมกัน และ ฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น มีความสัมพันธ์กับการลดโอกาสเผชิญการเลือกปฏิบัติในมิติ ต่าง ๆ โดยเฉพาะกลุ่มเพศทางเลือก

ข้อเสนอเชิงนโยบาย: ถึงเวลาออกแบบนโยบายแบบ “บูรณาการทางอัตลักษณ์”

ข้อมูลจากงานวิจัยชี้ชัดว่า การรับมือกับการเลือกปฏิบัติในวัยเด็กไม่สามารถมองเป็นเรื่องรายกรณีหรือแบบ “หนึ่งขนาดเหมาะกับทุกคน” ได้อีกต่อไป ต้องอาศัยแนวคิด “Intersectionality” หรือการมองปัญหาผ่านมุมมองแบบซ้อนทับทางอัตลักษณ์ เพื่อให้เข้าใจว่าการที่เด็กคนหนึ่งจะถูกเลือกปฏิบัตินั้นมักมาจากหลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเพศ เชื้อชาติ หรือเพศวิถี

สรุป: เสียงของเด็กในระบบที่ยังจำกัด

งานวิจัยนี้เตือนให้ตระหนักว่า การเลือกปฏิบัติเริ่มก่อตัวตั้งแต่ในวัยที่เด็กยังไม่สามารถปกป้องตนเองได้อย่างเต็มที่ เด็กที่อยู่ในกลุ่มชายขอบหลายมิติจะต้องแบกรับภาระทางสังคมมากกว่าเพื่อนร่วมวัย และอาจเติบโตมาในโลกที่ไม่เป็นธรรมตั้งแต่ต้นการเริ่มต้นจากเด็กจึงไม่ใช่เพียงเรื่องของนโยบาย แต่เป็นความจำเป็นทางมนุษยธรรม.

แหล่งอ้างอิง :
Molina, K. M., et al. (2025). Race, Ethnicity, Sex, Sexual Orientation, and Discrimination in the Adolescent Brain Cognitive Development Study. JAMA Network Open. https://jamanetwork.com/journals/jamanetworkopen/fullarticle/2818827