Posted on

อาหารและรอบเอว: ปัจจัยสำคัญที่กำหนดสุขภาพสมองของผู้สูงอายุ

ในยุคปัจจุบันที่พฤติกรรมการบริโภคอาหารเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ความชุกของโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคอ้วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโรคเหล่านี้เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของภาวะสมองเสื่อม องค์การอนามัยโลกแนะนำให้มีการบริโภคอาหารที่สมดุล โดยเน้นไปที่อาหารที่มีพืชเป็นหลัก เช่น อาหารเมดิเตอร์เรเนียน และการควบคุมน้ำหนักเพื่อลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อม

งานวิจัยจำนวนมากชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการบริโภคอาหารกับสุขภาพสมอง อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาจำนวนน้อยที่ตรวจสอบผลกระทบของคุณภาพอาหารและสัดส่วนรอบเอวต่อสะโพก (WHR) ต่อการเชื่อมโยงของสมอง โดยเฉพาะบริเวณฮิปโปแคมปัส ซึ่งเป็นบริเวณที่มีบทบาทสำคัญในการทำงานของความจำและการรับรู้

วัตถุประสงค์ของการศึกษา

การศึกษานี้มุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพอาหารและ WHR ในช่วงวัยกลางคนกับการเชื่อมโยงของสมองและการทำงานของสมองในวัยชรา โดยใช้ข้อมูลจากการศึกษา Whitehall II Study และ Whitehall II Imaging Substudy ซึ่งเป็นการศึกษาระยะยาวของกลุ่มประชากรที่ได้รับการติดตามมานานกว่า 30 ปี

วิธีการศึกษา

การศึกษานี้ได้วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้เข้าร่วมจำนวน 512 คนในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพอาหาร และ 664 คนในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ WHR ผู้เข้าร่วมมีอายุเฉลี่ย 48 ปีในช่วงเริ่มต้นของการศึกษา และได้รับการติดตามไปจนถึงอายุเฉลี่ย 70 ปี โดยมีการวัดคุณภาพอาหารโดยใช้ดัชนี Alternative Healthy Eating Index–2010 (AHEI-2010) และมีการวัด WHR เป็นระยะเวลานานกว่า 21 ปี การเชื่อมโยงของสมองถูกประเมินโดยการสแกน MRI และการทำแบบทดสอบทางปัญญา

ผลการศึกษา

  • คุณภาพอาหารและสุขภาพสมอง
    • ผู้ที่มีคุณภาพอาหารดีในวัยกลางคนและมีการปรับปรุงคุณภาพอาหารจากวัยกลางคนไปสู่วัยชรามีการเชื่อมโยงที่ดีขึ้นของฮิปโปแคมปัสกับสมองส่วนอื่นๆ เช่น กลีบออกซิพิทอลและซีรีเบลลัม
    • การมีคุณภาพอาหารที่ดีขึ้นสัมพันธ์กับการเชื่อมต่อของเนื้อเยื่อสมองสีขาวที่ดีขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงโครงสร้างสมองที่แข็งแรง
  • WHR และผลกระทบต่อสมอง
    • WHR ที่สูงในวัยกลางคนสัมพันธ์กับการทำงานของความจำและหน้าที่บริหารที่แย่ลง
    • การเชื่อมต่อของสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำและการควบคุมความคิด เช่น inferior longitudinal fasciculus และ cingulum มีความเสียหายมากขึ้นในผู้ที่มีค่า WHR สูง
    • ความสัมพันธ์ระหว่าง WHR ในวัยกลางคนและการทำงานของสมองถูกอธิบายบางส่วนผ่านการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างสมองสีขาว

การอภิปราย

ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า คุณภาพอาหารและ WHR ในช่วงวัยกลางคนมีผลกระทบโดยตรงต่อโครงสร้างและการทำงานของสมองในวัยชรา การรักษาคุณภาพอาหารที่ดีและการควบคุม WHR อาจช่วยลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมและช่วยคงไว้ซึ่งสมรรถภาพทางปัญญา

ข้อจำกัดของการศึกษา

แม้ว่าผลการศึกษาจะมีความน่าเชื่อถือ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น

  • การวัดคุณภาพอาหารโดยใช้แบบสอบถาม อาจมีข้อผิดพลาดจากการรายงานตนเอง
  • กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นชายผิวขาว ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์ไม่สามารถนำไปใช้กับประชากรทั่วไปได้อย่างสมบูรณ์
  • ปัจจัยอื่นๆ เช่น โรคเรื้อรัง ยา และพฤติกรรมสุขภาพอื่นๆ อาจมีบทบาทต่อความสัมพันธ์ระหว่างอาหารและสมอง

สรุป

การศึกษานี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาคุณภาพอาหารที่ดีและการควบคุม WHR ในช่วงวัยกลางคนเพื่อสนับสนุนสุขภาพสมองในวัยชรา การแทรกแซงในช่วงอายุ 48-70 ปี อาจเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการป้องกันการเสื่อมของสมองและภาวะสมองเสื่อมในอนาคต ดังนั้น การส่งเสริมให้ประชากรทั่วไปมีพฤติกรรมการบริโภคที่ดีและควบคุมน้ำหนักอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพสมองในระยะยาว.

Reference : JAMA Network Open Journal.