Posted on Leave a comment

องค์การอนามัยโลกกับความเห็นต่อสารทดแทนความหวาน

องค์การอนามัยโลก ประกาศว่าสารให้ความหวานที่ชื่อว่า “แอสปาร์แตม” ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายอาจเป็นไปได้ที่จะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง แต่แนวทางการบริโภคยังคงไม่เปลี่ยนแปลง.

เป็นครั้งแรกที่คณะกรรมการกึ่งอิสระขององค์การอนามัยโลกกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคม 2566 ว่า สารแอสปาร์แตมซึ่งเป็นสารให้ความหวานเทียมยอดนิยมที่พบในผลิตภัณฑ์หลายพันรายการ เช่น ไดเอทโซดาและหมากฝรั่งปราศจากน้ำตาล ควรจัดอยู่ในประเภท “สารก่อมะเร็งในมนุษย์” แต่ไม่ได้หมายความว่าโซดาไดเอทก่อให้เกิดมะเร็ง

การกำหนดหมายความว่างานวิจัยบางส่วนที่ได้รับการทบทวนโดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยโรคมะเร็ง (IARC) แห่งองค์การอนามัยโลก(WHO) แสดงให้เห็นว่าอาจมีความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ระหว่างสารให้ความหวานและมะเร็งตับ แต่ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด เช่นเดียวกับสารประเภทแร่ใยหินหรือยาสูบ

สารแอสปาร์แตมถือเป็นหนึ่งในวัตถุเจือปนอาหารที่มีการศึกษามากที่สุด หน่วยงานกำกับดูแลหลายแห่งเช่นสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาได้กล่าวซ้ำ ๆ ว่าแอสปาร์แตมนั้น มีความปลอดภัยสำหรับการบริโภคของมนุษย์หากบริโภคภายใต้แนวทางที่กำหนด ในขณะที่คณะผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลก(WHO) ซึ่งเป็นอีกคณะหนึ่งแยกต่างหากได้ทำการประเมินความเสี่ยงของสารให้ความหวานและกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่าองค์การอนามัยโลก(WHO) ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติ

ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์และผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มบางรายกังวลว่าการประกาศขององค์การอนามัยโลกที่ระบุว่า “อาจเป็นสารก่อมะเร็ง” จะทำให้ผู้บริโภคสับสน แต่หวังว่าการกำหนดนี้จะกระตุ้นให้นักวิทยาศาสตร์ทำการวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับสารให้ความหวานและการเชื่อมโยงที่เป็นไปได้กับมะเร็ง(ถ้าหากมีความเป็นได้)

องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา(FDA)กล่าวบนเว็บไซต์เมื่อวันศุกร์ว่าไม่เห็นด้วยกับข้อสรุปของ IARC เกี่ยวกับสารให้ความหวานว่าเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์

ดร. Allison Sylvetsky รองศาสตราจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์การออกกำลังกายและโภชนาการของสถาบันสาธารณสุขมิลเค็น(Milken Institute) กล่าวว่า เธอคิดว่าคนทั่วไปควรถามคำถามที่ใหญ่กว่านี้เกี่ยวกับสารให้ความหวานแบบไม่มีแคลอรี “แม้ว่าจะปลอดภัย แต่ก็มีคำถามมากมายว่ามีประโยชน์จริงหรือไม่สำหรับการใช้งานตามวัตถุประสงค์ในแง่ของการช่วยควบคุมน้ำหนักหรือช่วยป้องกันโรคต่างๆ เธอคิดว่าถ้าผู้คนกังวลเกี่ยวกับประเด็นนี้นั้น ก็ควรเลือกรับประทานอย่างระมัดระวังที่สุด นั่นก็คือเลือกรับประทานอาหารที่ไม่หวาน” เธอกล่าว “แอสปาร์แตมไม่ใช่สิ่งที่คุณจำเป็นต้องมีเป็นส่วนหนึ่งของอาหารของคุณ มันไม่มีคุณค่าทางอาหารใดๆ เลย การเลือกอาหารที่ไม่หวานน่าจะเป็นวิธีเดียว” เธอกล่าวเสริม.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *