โรคหลอดเลือดสมอง เกิดขึ้นเมื่อเลือดไปเลี้ยงสมองบางส่วนถูกกีดขวางหรือหลอดเลือดในสมองเกิดการแตก การหยุดชะงักหรือการแตกนี้ทำให้เซลล์สมองขาดออกซิเจน ทำให้บางส่วนของสมองเกิดการเสียหายหรือตาย ผลที่ตามมาของโรคหลอดเลือดสมองอาจรุนแรงจนส่งผลให้สมองถูกทำลาย หรือทุพพลภาพในระยะยาว หรือแม้กระทั่งเสียชีวิตได้ การได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อลดผลกระทบที่อันตรายเหล่านี้
เกิดอะไรขึ้นในสมองในสมองของผู้ป่วยในระหว่างเกิดโรคหลอดเลือดสมอง?
สมองเป็นศูนย์ควบคุมการเคลื่อนไหว ความทรงจำ ความคิด อารมณ์ และภาษาของเรา นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของร่างกายหลายอย่าง เช่น การหายใจและการย่อยอาหาร เพื่อให้สมองสามารถทำหน้าที่เหล่านี้ได้ สมองจึงจำเป็นต้องได้รับออกซิเจนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งออกซิเจนจะถูกส่งผ่านทางหลอดเลือดแดง เมื่อการไหลเวียนของเลือดถูกปิดกั้นหรือหลอดเลือดแตก เซลล์สมองจะเริ่มตายภายในไม่กี่นาทีนั่นจึงทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองขึ้นได้
โรคหลอดเลือดสมองมีสองประเภทหลัก คือ
1.โรคหลอดเลือดสมองตีบ
โรคหลอดเลือดสมองชนิดที่พบบ่อยที่สุดคือโรคหลอดเลือดสมองตีบ สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อลิ่มเลือดหรืออนุภาคอื่นปิดกั้นหลอดเลือดที่ส่งเลือดไปเลี้ยงสมอง หรือเกิดจากไขมันสะสมที่เรียกว่าคราบพลัคยังสามารถสะสมในหลอดเลือดเหล่านี้ซึ่งนำไปสู่การอุดตันในที่สุด
2.โรคหลอดเลือดสมองแตก
โรคหลอดเลือดสมองตีบเกิดขึ้นเมื่อหลอดเลือดแดงในสมองรั่วไหลหรือมีเลือดแตก การรั่วไหลนี้สร้างแรงกดดันต่อเซลล์สมองมากเกินไปและทำลายเซลล์ ซึ่งอาจเกิดจากภาวะต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูงและผนังหลอดเลือดโป่งพอง ซึ่งมีลักษณะคล้ายบอลลูนนูนในหลอดเลือดแดงที่สามารถยืดออกและสามารถแตกได้ อาจทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบได้เช่นเดียวกัน
โรคสมองขาดเลือดชั่วคราว หรือที่เรียกว่า อาการทีไอเอ (TIA) หรือ “Mini-Stroke”
อาการ TIA คืออาการสั้นๆ ของอาการคล้ายโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งกินเวลาไม่เกิน 5 นาที หรือมักเรียกว่า “โรคหลอดเลือดสมองเตือน” อาการโรค TIA บ่งชี้ถึงโรคหลอดเลือดสมองที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้และเป็นเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว ซึ่งลิ่มเลือดเป็นสาเหตุทั่วไปของอาการ TIA คล้ายกับโรคหลอดเลือดสมองตีบ ซึ่งผู้ป่วยจำนวนมากกว่าหนึ่งในสามของผู้ที่เป็นโรค TIA ที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจะเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบตันครั้งใหญ่ภายในหนึ่งปีหลังจากมีอาการ TIA เกิดขึ้นแล้วและมีจำนวนผู้ป่วยมากถึง 15% ที่อาจเป็นโรคหลอดเลือดสมองภายในสามเดือน ดังนั้นการรับรู้ถึงอาการนี้และการรักษาอย่างทันท่วงทีจะสามารถลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองตีบได้อย่างมาก
การรับรู้อาการของโรคหลอดเลือดสมอง
การไปพบแพทย์ทันทีเป็นสิ่งสำคัญเมื่อพบอาการของโรคหลอดเลือดสมองหรือสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ อาการที่พบบ่อย ได้แก่ อาการชาหรืออ่อนแรงอย่างกะทันหันที่ใบหน้า แขน หรือขา โดยเฉพาะซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย เกิดการสับสนกะทันหัน พูดหรือเข้าใจคำพูดลำบาก ตาข้างเดียวมองเห็นไม่ชัดหรือทั้งสองข้างอย่างกะทันหัน เดินลำบากฉับพลัน เวียนศีรษะ สูญเสียการมองเห็น การเสียการทรงตัวและอาการปวดศีรษะรุนแรงกะทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุ
ดังนั้น การทำความเข้าใจโรคหลอดเลือดสมอง การรับรู้อาการ และการดำเนินการอย่างรวดเร็วหรือเข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็วจะสามารถช่วยชีวิตและลดความเสี่ยงของความพิการในระยะยาวได้ การจัดการภาวะสุขภาพและการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ แต่ละคนสามารถลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองได้อย่างมาก การรณรงค์และโครงการด้านสาธารณสุขก็มีบทบาทสำคัญในการให้ความรู้และเพิ่มศักยภาพแก่ชุมชนในการดำเนินการเชิงรุกเพื่อการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองได้ในที่สุด.
สาเหตุหลักของโรคหลอดเลือดสมองตีบ ได้แก่:
- ความดันโลหิตสูง: ความดันโลหิตสูงเกินกว่า 160/90 mmHg จะทำให้หลอดเลือดแข็งตัวเร็วกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบ.
- โรคเบาหวาน: โรคเบาหวานทำให้เกิดภาวะเส้นเลือดตีบแข็ง ส่งผลให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองอุดตัน.
- ไขมันในเลือดสูง: ไขมันในเลือดสูงทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง.
- สูบบุหรี่: สูบบุหรี่มากขึ้นจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบมากขึ้นตามไปด้วย.
- ขาดการออกกำลังกาย: เพราะถ้าขาดการออกกำลังกายจะทำให้หลอดเลือดสมองไม่มีความแข็งแรง.
- ความเครียด: ความเครียดก็อาจส่งผลให้เกิดหลอดเลือดสมองแตกหรือตีบตันเฉียบพลันได้.
- โรคอ้วน: โรคอ้วนจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบ.
อาการของโรคหลอดเลือดสมองตีบ มีความรุนแรงแตกต่างกัน แยกได้เป็น 3 ระดับ:
- อาการน้อย: กลุ่มของผู้ที่มีหลอดเลือดสมองแตกหรือตีบเป็นหลอดเลือดขนาดเล็ก ยังไม่เกิดการทำลายของเซลล์สมองในบริเวณนั้น.
- อาการปานกลาง (อัมพฤกษ์): กลุ่มนั้นเซลล์สมองถูกทำลายไปแล้วบางส่วน แต่ไม่ทั้งหมด.
- อาการรุนแรง (อัมพาต): กลุ่มนี้เซลล์สมองถูกทำลายโดยถาวร จะเกิดการอ่อนแรงของแขนและขา ขยับแขนหรือขาเองไม่ได้.
การตรวจวินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมองตีบ สามารถทำได้หลายวิธี ได้แก่:
- การตรวจสมองด้วยคอมพิวเตอร์ (CT): การตรวจดูความผิดปกติของหลอดเลือดสมองว่ามีการแตกหรือตีบตันของหลอดเลือดในสมองหรือไม่.
- การตรวจสมองด้วยสนามแม่เหล็ก (MRI): การถ่ายภาพเอกซเรย์สมองด้วยสนามแม่เหล็กที่สามารถให้รายละเอียดของสมองได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น.
- การทำอัลตราซาวนด์หลอดเลือดคอ (Carotid Duplex Ultrasound): การตรวจภาวะความอุดตันของหลอดเลือดบริเวณคอ.
การรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบ จะเน้นไปที่การทำให้เซลล์ของสมองยังอยู่รอดให้ได้นานที่สุด โดยการรักษานี้จะต้องทำภายใน 3 ชั่วโมง เพื่อให้ยาละลายลิ่มเลือด (Thrombolysis) และการให้ยานี้แก่ผู้ป่วยต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ.
Credit/Reference: www.cdc.gov (Centers for Disease Control and Prevention)
Easymax เครื่องตรวจน้ำตาลในเลือด รุ่น MU พร้อมแถบในการตรวจ จำนวน 50 ชิ้น
เครื่องตรวจน้ำตาลในเลือด แอสชัวร์ (Assure) – ดำ
ALLWELL เครื่องวัดความดันโลหิต ระบบเสียงพูดภาษาไทย รุ่น JPD-HA120 – ขาว