Posted on

วิเคราะห์ผลกระทบจากการที่ทรัมป์หยุดให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน

การตัดสินใจของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ในการหยุดให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน ส่งผลให้เกิดข้อกังวลทั้งในระดับนานาชาติและภายในสหรัฐฯ เอง บทความนี้จะวิเคราะห์ผลกระทบของการหยุดให้ความช่วยเหลือดังกล่าว ทั้งต่อสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการเมืองภายในของสหรัฐฯ

1. เหตุผลที่ทรัมป์ตัดสินใจหยุดให้ความช่วยเหลือ

มีหลายปัจจัยที่อาจอยู่เบื้องหลังการตัดสินใจของทรัมป์ในการหยุดการสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครน ได้แก่:

  • แรงกดดันให้ยูเครนเข้าสู่โต๊ะเจรจา: ทรัมป์ต้องการให้ยูเครนมีท่าทีที่เปิดกว้างต่อการเจรจากับรัสเซีย ซึ่งอาจนำไปสู่ข้อตกลงสันติภาพที่ลดบทบาทของชาติตะวันตก
  • มุมมองของทรัมป์ต่อเซเลนสกี: รายงานระบุว่าทรัมป์ไม่พอใจกับท่าทีของประธานาธิบดียูเครน วลาดิเมียร์ เซเลนสกี ซึ่งอาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิดการหยุดช่วยเหลือ
  • ผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาลเดิม: ในช่วงสุดท้ายของรัฐบาลไบเดน มีการเร่งส่งยุทโธปกรณ์ให้กับยูเครน ซึ่งทำให้ทรัมป์ต้องการชะลอการให้ความช่วยเหลือเพื่อพิจารณาผลกระทบในระยะยาว

2. ผลกระทบต่อสงครามยูเครน-รัสเซีย

2.1 ผลกระทบในระยะสั้น

การหยุดให้ความช่วยเหลือในทันทีอาจยังไม่ส่งผลกระทบต่อแนวรบของยูเครนมากนัก เนื่องจากรัฐบาลไบเดนได้เร่งส่งอาวุธล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม หากการหยุดให้ความช่วยเหลือดำเนินต่อไป อาจเกิดปัญหาดังนี้:

  • อุปกรณ์สำคัญขาดแคลน: อาวุธยุทโธปกรณ์ที่สำคัญจากสหรัฐฯ เช่น ขีปนาวุธระยะไกล ATACMS อาจไม่มีส่งเพิ่มเติม ซึ่งส่งผลกระทบต่อแผนยุทธศาสตร์ของยูเครน
  • ลดความสามารถในการป้องกันทางอากาศ: ยูเครนพึ่งพาอาวุธป้องกันภัยทางอากาศจากสหรัฐฯ เป็นหลัก การหยุดช่วยเหลือจะทำให้มีช่องว่างในการป้องกันการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย

2.2 ผลกระทบในระยะยาว

  • แนวรบอาจอ่อนแอลง: นักวิเคราะห์ระบุว่า หากยูเครนไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องในอีก 2-4 เดือนข้างหน้า การขาดแคลนยุทโธปกรณ์จะทำให้แนวรบอ่อนแอลง
  • เพิ่มโอกาสของรัสเซีย: หากยูเครนไม่สามารถรับมือกับการโจมตีจากรัสเซียได้ โอกาสที่รัสเซียจะสามารถรุกคืบและยึดครองพื้นที่เพิ่มเติมจะเพิ่มขึ้น
  • เสี่ยงต่อข้อตกลงสันติภาพที่เสียเปรียบ: นักวิเคราะห์เตือนว่าการหยุดช่วยเหลือทางทหารอาจทำให้ยูเครนต้องยอมรับข้อตกลงสันติภาพที่เสียเปรียบต่อรัสเซีย

3. ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

3.1 ความสัมพันธ์สหรัฐฯ – ยูเครน

การหยุดช่วยเหลืออาจทำให้เกิดรอยร้าวในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะเมื่อมีรายงานว่าทรัมป์ต้องการให้เซเลนสกีออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์

3.2 ความสัมพันธ์กับพันธมิตรยุโรป

พันธมิตรของสหรัฐฯ ในยุโรป เช่น อังกฤษและฝรั่งเศส ได้ออกมาแสดงความไม่พอใจกับการตัดสินใจของทรัมป์ โดยระบุว่าการหยุดช่วยเหลือจะเพิ่มภาระให้กับยุโรป และอาจทำให้ความสามารถในการสนับสนุนยูเครนลดลง

4. ปฏิกิริยาภายในสหรัฐฯ

4.1 ความเห็นของพรรครีพับลิกัน

พรรครีพับลิกันมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการหยุดช่วยเหลือยูเครน:

  • กลุ่มสนับสนุนทรัมป์: บางคน เช่น ส.ว. Markwayne Mullin สนับสนุนการหยุดช่วยเหลือโดยให้เหตุผลว่า “ผู้เสียภาษีชาวอเมริกันเหนื่อยกับการสนับสนุนสงครามที่ไม่มีวันจบ”
  • กลุ่มที่สนับสนุนยูเครน: ส.ว. Susan Collins เตือนว่าการหยุดช่วยเหลืออาจเป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และทำให้รัสเซียได้รับชัยชนะในเชิงยุทธศาสตร์

4.2 ผลต่อภาพลักษณ์ของทรัมป์

การตัดสินใจนี้อาจเป็นการเดิมพันทางการเมืองของทรัมป์ โดยหวังว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนจากฐานเสียงที่ต้องการลดการใช้จ่ายในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม อาจทำให้เขาสูญเสียการสนับสนุนจากกลุ่มที่มองว่าสหรัฐฯ ควรมีบทบาทนำในการรักษาความมั่นคงของยุโรป

บทสรุป

การหยุดให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนเป็นการตัดสินใจที่อาจส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อสงคราม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการเมืองภายในของสหรัฐฯ แม้ว่าผลกระทบในระยะสั้นอาจยังไม่ชัดเจน แต่ในระยะยาว ยูเครนอาจเผชิญกับความท้าทายอย่างหนักหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การเมืองภายในของสหรัฐฯ เองก็อาจได้รับผลกระทบจากความคิดเห็นที่แตกแยกเกี่ยวกับแนวทางการสนับสนุนพันธมิตรในยุโรป

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

  • รายงานจากศูนย์วิเคราะห์ยุทธศาสตร์และการต่างประเทศ (CSIS)
  • รายงานจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เกี่ยวกับการส่งมอบอาวุธให้ยูเครน

Reference : Coohfey.com