Posted on

วิเคราะห์การเปลี่ยนผ่านผู้นำพรรคเสรีนิยมของแคนาดา: มาร์ค คาร์นีย์(Mark Carney)กับความท้าทายใหม่

มาร์ค คาร์นีย์ ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคเสรีนิยมของแคนาดา แทนที่ จัสติน ทรูโด ซึ่งดำรงตำแหน่งมายาวนานกว่า 10 ปี การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ซับซ้อน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งกลายเป็นประเด็นสำคัญที่คาร์นีย์ต้องจัดการในทันที

ความท้าทายแรก: ความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกา

หนึ่งในปัญหาสำคัญที่คาร์นีย์ต้องเผชิญคือความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ซึ่งเลวร้ายลงเรื่อย ๆ นับตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาเป็นประธานาธิบดี ทรัมป์กล่าวหาว่าแคนาดามีส่วนทำให้เกิดปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายเข้าสหรัฐฯ และขู่ที่จะกำหนดภาษีสูงสำหรับสินค้านำเข้าจากแคนาดาโดยให้เหตุผลว่าต้องการควบคุมการลักลอบขนยาเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ

คาร์นีย์ตอบโต้โดยยืนยันว่ารัฐบาลของเขาจะสร้างความสัมพันธ์ทางการค้ากับพันธมิตรที่น่าเชื่อถือ พร้อมทั้งคงมาตรการภาษีตอบโต้ต่อสหรัฐฯ จนกว่ารัฐบาลทรัมป์จะแสดงความเคารพต่อแคนาดามากขึ้น เขายังกล่าวว่า “ภัยคุกคามใหม่ต้องการแนวคิดใหม่และแผนงานใหม่” พร้อมชี้ให้เห็นว่านโยบายของทรัมป์เป็นการทำลายเศรษฐกิจและสังคมของแคนาดา

คู่แข่งคนสำคัญ: ปิแอร์ ปัวลิแยฟร์

การเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมาถึง คาร์นีย์ต้องเผชิญกับ ปิแอร์ ปัวลิแยฟร์ ผู้นำพรรคอนุรักษนิยม ซึ่งแม้เคยถูกเปรียบเทียบกับทรัมป์ แต่ล่าสุดได้พยายามสร้างระยะห่างจากแนวคิด “ทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง” (Make America Great Again-MAGA) ของทรัมป์ ปัวลิแยฟร์โจมตีคาร์นีย์ว่าเป็นผู้นำที่ไร้ประสิทธิภาพในการรับมือกับทรัมป์ พร้อมกล่าวหาว่า “ทำให้แคนาดาอ่อนแอและยากจนลง ในขณะที่ทำให้สหรัฐฯ ร่ำรวยและแข็งแกร่งขึ้น”

คาร์นีย์โต้กลับโดยระบุว่า นโยบายของปัวลิแยฟร์จะทำให้แคนาดาถูกแบ่งแยกและอ่อนแอ ซึ่งจะเอื้อให้ทรัมป์ใช้ยุทธศาสตร์ “แบ่งแยกและพิชิต” ได้สำเร็จ

แนวทางของคาร์นีย์: การสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ

หนึ่งในจุดแข็งของคาร์นีย์คือประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจ เขาเคยเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางทั้งในแคนาดาและสหราชอาณาจักร และมีบทบาทสำคัญในการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 และ Brexit นโยบายหลักของเขาคือการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจผ่านการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น แร่ธาตุหายาก และการส่งเสริมพลังงานสะอาด โดยเน้นว่าความสามารถในการแข่งขันของแคนาดาจะขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ

คาร์นีย์ยังเสนอให้เปลี่ยนภาระภาษีคาร์บอนจากผู้บริโภคไปสู่บริษัทขนาดใหญ่ โดยให้สิ่งจูงใจแก่ประชาชนและธุรกิจขนาดเล็กเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน นโยบายนี้ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มสิ่งแวดล้อมและนักเศรษฐศาสตร์ แต่ก็ถูกวิจารณ์จากภาคอุตสาหกรรมหนักว่าอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน

การเปลี่ยนผ่านจากทรูโดสู่คาร์นีย์: ผลกระทบต่อพรรคเสรีนิยม

ทรูโดซึ่งเป็นผู้นำพรรคเสรีนิยมมาตั้งแต่ปี 2013 กำลังจะลงจากตำแหน่งหลังเผชิญกับปัญหาหลายด้าน รวมถึงวิกฤตทางการเมืองและเศรษฐกิจ ตลอดจนการลาออกของรองนายกรัฐมนตรี คริสเทีย ฟรีแลนด์ อย่างกะทันหัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล

ทรูโดกล่าวในงานประชุมพรรคครั้งสุดท้ายของเขาว่า แคนาดากำลังเผชิญ “ความท้าทายเชิงอัตถิภาวนิยม” จากสหรัฐฯ และการเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นช่วงเวลาชี้ขาดของประเทศ คำพูดนี้สะท้อนถึงแรงกดดันที่พรรคเสรีนิยมต้องเผชิญและความจำเป็นที่คาร์นีย์ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

ข้อสรุป : มาร์ค คาร์นีย์ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคเสรีนิยมในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งจากคู่แข่งทางการเมืองอย่างปัวลิแยฟร์ ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับสหรัฐฯ และสภาวะเศรษฐกิจที่ซับซ้อน นโยบายของเขามุ่งเน้นไปที่การสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและยั่งยืน รวมถึงการปกป้องผลประโยชน์ของแคนาดาจากแรงกดดันของรัฐบาลทรัมป์ การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงจะเป็นบททดสอบสำคัญว่าคาร์นีย์สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้หรือไม่ และพรรคเสรีนิยมจะสามารถรักษาอำนาจไว้ได้หรือไม่ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดกับพรรคอนุรักษนิยมของปัวลิแยฟร์.

Reference: Coohfey.com