Posted on

วัคซีนโควิดไม่ใช่สำหรับทุกคนอีกต่อไป? วิเคราะห์แนวนโยบายใหม่ของ FDA

(ภาพประกอบ-สร้างจากคอมพิวเตอร์)

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) เตรียมเปลี่ยนแนวทางอนุมัติวัคซีนโควิด-19 โดยมุ่งเน้นให้วัคซีนรุ่นใหม่ในอนาคตสำหรับ ผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป) และ ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงสูงต่ออาการรุนแรงจากโควิด-19 เท่านั้น ขณะที่กลุ่มคนทั่วไปที่สุขภาพดีอาจไม่ได้รับวัคซีนอัปเดตเป็นประจำทุกปีอีกต่อไป

เหตุผลที่เปลี่ยนแปลงนโยบาย:
FDA ระบุว่า ต้องการใช้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เข้มงวดมากขึ้นในการตัดสินใจ เช่น การทดสอบแบบสุ่มเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน (placebo-controlled trials) โดยเห็นว่ายังไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าผู้ใหญ่และเด็กที่สุขภาพดีได้รับประโยชน์ที่ชัดเจนจากการฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี

ผลกระทบ:

  • กลุ่มอายุน้อยและคนสุขภาพดีอาจไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนใหม่ได้ทุกปี
  • บริษัทวัคซีน เช่น Pfizer, Moderna และ Novavax อาจต้องทำการศึกษาที่ละเอียดและใช้เวลานานขึ้นก่อนจะสามารถจำหน่ายวัคซีนให้กับกลุ่มเหล่านี้ได้
  • นักวิชาการบางคนเตือนว่าแนวทางใหม่นี้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดสายพันธุ์ใหม่และกระทบต่อความเท่าเทียมด้านสุขภาพ
  • นอกจากนี้ ยังอาจทำให้เกิดปัญหาในการเข้าถึงวัคซีน หากไม่มีระบบตรวจสอบว่าผู้รับวัคซีนมีความเสี่ยงจริงหรือไม่ เช่น ในร้านขายยา

เสียงจากผู้เชี่ยวชาญ:

  • สนับสนุน: นักวิชาการบางคนมองว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้สหรัฐฯ เดินตามแนวทางของประเทศอื่นๆ เช่น สหราชอาณาจักร แคนาดา และออสเตรเลีย ที่ให้วัคซีนเฉพาะกับผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง
  • คัดค้าน: ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนหลายรายให้ความเห็นว่า วัคซีน mRNA ปลอดภัยและได้ผลดี และที่ประชาชนไม่ฉีดวัคซีนเป็นเพราะความเหนื่อยล้าจากการฉีดซ้ำ ๆ (booster fatigue) ไม่ใช่เพราะขาดความเชื่อมั่น

สิ่งที่ต้องจับตา:
วัคซีนสำหรับกลุ่มเสี่ยงจะยังได้รับการอนุมัติผ่านการทดสอบระดับแอนติบอดี (immunobridging) คล้ายกับวิธีอนุมัติวัคซีนไข้หวัดใหญ่ แต่สำหรับคนทั่วไป FDA ต้องการข้อมูลที่พิสูจน์ว่าวัคซีนสามารถลดการติดเชื้อที่แสดงอาการได้จริง ซึ่งจะต้องใช้การศึกษาที่ใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง.

แหล่งอ้างอิง:

  • CDC (Centers for Disease Control and Prevention)
  • Food and Drug Administration (FDA)