Posted on

ยุทธการโดรนสู่ไซบีเรีย: จุดเปลี่ยนสงครามยูเครน-รัสเซีย?

(ภาพประกอบ)

ปฏิบัติการโจมตีฐานทัพอากาศรัสเซียโดยฝูงโดรนของยูเครนเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนทั้งทางยุทธศาสตร์และจิตวิทยาอย่างรุนแรงในกรุงมอสโก โดยเฉพาะเมื่อจุดหมายของการโจมตีอยู่ลึกในดินแดนรัสเซีย ห่างจากชายแดนยูเครนถึง 4,500 กิโลเมตร และส่งผลกระทบต่อฝูงบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์ของรัสเซีย ซึ่งเป็นเสาหลักของการข่มขวัญด้วยอำนาจนิวเคลียร์

โดรนราคาถูก แต่ทำลายล้างสูง

หน่วยข่าวกรองของยูเครนอ้างว่า โจมตีด้วยโดรนถึง 117 ลำ ทำลายหรือสร้างความเสียหายแก่เครื่องบินของรัสเซียอย่างน้อย 41 ลำ ซึ่งรวมถึงเครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-95 และ Tu-22M3 ที่ใช้โจมตีเมืองต่างๆ ในยูเครน รวมถึงเครื่องบินตรวจการณ์ A-50 ที่หายากและมีบทบาทสำคัญต่อการรบทางอากาศ

ผลกระทบประเมินมูลค่าความเสียหายสูงถึง 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และอาจทำให้ศักยภาพของฝูงบินรัสเซียลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในแง่การโจมตีทางอากาศและการปฏิบัติภารกิจนิวเคลียร์เชิงสัญลักษณ์

ความล้มเหลวของระบบป้องกันรัสเซีย

สิ่งที่น่ากังวลสำหรับเครมลินไม่ใช่เพียงการสูญเสียยุทโธปกรณ์ แต่คือการถูกแทรกซึมลึกเข้าสู่แผ่นดินของตนเอง ฐานทัพเป้าหมายในเขต Irkutsk, Murmansk และ Ryazan ไม่ได้ถูกโจมตีจากระยะไกล แต่จากโดรนที่ลักลอบนำเข้าผ่านการขนส่งภายในรัสเซีย โดยซ่อนอยู่ในโกดังไม้เคลื่อนที่ซึ่งถูกนำเข้าไปใกล้เป้าหมายอย่างแนบเนียน แสดงถึงจุดอ่อนทางการข่าวและระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียเอง

สั่นคลอนความเชื่อมั่นภายในและความชอบธรรมทางยุทธศาสตร์

ปฏิบัติการครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลเชิงยุทธศาสตร์ แต่ยังส่งแรงสั่นสะเทือนต่อ “มายาคติ” ของอำนาจทหารรัสเซีย กลุ่มบล็อกเกอร์ทหารและนักวิเคราะห์สายชาตินิยมต่างวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง บางรายถึงขั้นเรียกร้องให้ตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ โดยอ้างว่า การโจมตีฝูงบินทิ้งระเบิดซึ่งถือเป็น “โครงสร้างพื้นฐานนิวเคลียร์เชิงยุทธศาสตร์” เข้าข่ายเงื่อนไขในหลักนิยมการใช้นิวเคลียร์ของรัสเซีย

แม้การใช้นิวเคลียร์จริงยังถือว่าเป็นไปได้น้อย เนื่องจากความเสี่ยงต่อการถูกโดดเดี่ยวทางการทูตจากจีนและอินเดีย รวมถึงการตอบโต้จากพันธมิตรตะวันตก แต่ความรุนแรงของเสียงเรียกร้องสะท้อนถึงแรงกดดันมหาศาลที่เครมลินเผชิญในการฟื้นฟูภาพลักษณ์และการยับยั้งทางทหาร

ยูเครนพลิกเกมด้วยเทคโนโลยี ความกล้า และข่าวกรอง

ความสำเร็จของยูเครนในครั้งนี้ตอกย้ำบทเรียนสำคัญของสงครามยุคใหม่ นั่นคือ พลังของข่าวกรอง การวางแผนอย่างรอบคอบ และเทคโนโลยีราคาถูกที่สามารถพลิกดุลอำนาจเหนืออุปกรณ์ยุทโธปกรณ์แบบดั้งเดิม

ในช่วงที่ความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ถูกตั้งคำถาม และสงครามดูเหมือนเข้าสู่ภาวะชะงักงัน ความสำเร็จเชิงสัญลักษณ์เช่นนี้มีนัยสำคัญทั้งทางการเมืองและจิตวิทยา เสริมสร้างขวัญกำลังใจของยูเครน และเปิดเผย “จุดอ่อนเชิงโครงสร้าง” ของรัสเซียในระยะยาว

บทสรุป: โอกาสและความเสี่ยง

ในระยะสั้น รัสเซียอาจตอบโต้ด้วยการเพิ่มการโจมตีทางอากาศต่อเมืองยูเครนอย่างป่าเถื่อน แต่ในระยะยาว เหตุการณ์นี้อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่สั่นคลอนแนวคิดแบบเดิมที่ว่า “รัสเซียอดทนได้มากกว่า ใครก็หยุดไม่ได้” หากยูเครนยังคงโจมตีด้วยความแม่นยำและความกล้าอย่างต่อเนื่อง

กระนั้น การทำให้หมีรัสเซียเลือดตกอาจมาพร้อมความเสี่ยง เพราะไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่า เครมลินจะตัดสินใจอย่างไร หากรู้สึกว่าศักดิ์ศรีทางยุทธศาสตร์ของตนถึงจุดแตกหัก.

แหล่งอ้างอิง:

  • รายงานข่าววิเคราะห์: Ukraine batters Russia with daring assaults, firebrand pro-Kremlin pundits rattle nuclear sabers (2025)
  • Royal United Services Institute (RUSI) ความเห็นจาก Justin Bronk