มีอะไรน่าสนใจบ้างใน Samsung Galaxy S23 Ultra ตัวท็อปจากค่าย Samsung หลังจากที่เปิดตัวไปแล้ว เมื่อไม่นานมานี้
1.กล้องมีมาให้ 4 เลนซ์ เลนซ์หลักมีความละเอียดสูงถึง 200MP มาพร้อมกับระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS เลนซ์ที่สองเป็นเลนส์มุมกว้างความละเอียด 12MP มุมมอง 120 องศา เลนซ์ที่สามเป็นเลนส์ Telephoto ความละเอียด 10MP รองรับการซูมภาพระยะไกลและมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS เลนซ์ที่สี่เป็นเลนซ์ Periscope ความละเอียด 10MP ด้วยโหมดซูมภาพแบบ 100เท่า มี Laser autofocus รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียด 4K/60fps
กล้องหน้าความละเอียด 12MP พร้อมระบบขยายภาพอัตโนมัติถ่ายภาพคมชัดแม้ในภาวะที่มีแสงน้อยหรือแม้ในเวลากลางคืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันนี้ก็ถือว่าค่าย Samsung ทำออกมาเพื่อสู้กับค่ายคู่แข่งอย่าง Apple อย่างเต็มที่เลยก็ว่าได้ เราในฐานะผู้บริโภคก็ย่อมได้รับผลดีจากการแข่งขันทางการตลาดที่ดุเดือดของหลายค่ายในตอนนี้
2.เอกลักษณ์ของ Galaxy S23 Ultra ก็คือปากกา S-Pen ที่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพให้ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น ไม่เพียงแต่เฉพาะจดบันทึกเท่านั้น แต่ปากกา S-Pen ยังสามารถเป็น Remote control ได้อีกด้วย เช่น ใช้ควบคุมกล้อง หรือใช้ควบคุมตัวเครื่องได้จากระยะไกล หรือใช้ในการตัดต่อคลิปวีดีโอสั้นได้อีกด้วย ซึ่ง S-Pen นี้ มีการทำงานหลาย Mode เช่น Handwriting to Text Mode ใช้เปลี่ยนตัวอักษรที่เราเขียนด้วยลายมือให้กลายเป็นตัวอักษรแบบพิมพ์ได้ทันที และที่ชอบมากก็คือ ใช้ภาษาไทยได้อีกด้วย อีกโหมดนึงก็คือ Screen Off memo โหมดนี้ก็คือโหมดที่ใช้งานปากกา S-Pen จดบันทึกในขณะที่หน้าจอยังดับอยู่ได้อีกด้วย
3.ความSmooth ของหน้าจอที่มีความละเอียดสูง ภาพหน้าจอมีความสวยสดใส พร้อมความสว่างมากถึง 1750nits และเป็นหน้าจอแบบ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.8 นิ้ว มีอัตรา Refresh Rate ตั้งแต่ 1-120Hz ครอบด้วยกระจก Gorilla Glass Victus 2 ช่วยป้องกันแรงกระแทกจากการตกจากที่สูงที่เป็นพื้นคอนกรีตได้ถึง 1 เมตร
4.ความเร็วของชิป Snapdragon 8 Gen2 ที่รองรับการประมวลผลกราฟฟิคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การสลับโหมดตัดต่อวีดีโอไปพร้อมๆกับการเล่นเกมส์ที่มีกราฟฟิคความละเอียดสูง ก็สามารถทำได้อย่างไหลลื่น พร้อมระบบระบายความร้อนที่ชื่อ Vapor Cooling Chamber ที่ช่วยลดอุณหภูมิของชิปในขณะใช้งานไม่ให้เกิดความร้อนและสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นาน หมดปัญหาเรื่องเครื่อง Hang
5.ความจุของแบตเตอรี่และความเร็วของการชาร์จ ซึ่งแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีชาร์จเร็วที่ชื่อว่า Super Fast Charging 2.0 ขนาด 45W ถ้าดูจากตัวเลขแล้วก็คงไม่ต้องพูดถึงว่ามากแค่ไหน ถือว่าความจุเยอะมากๆ ซึ่งนั่นก็ย่อมแสดงว่าใช้งานได้ต่อเนื่องและยาวนานอย่างแน่นอน
สรุปก็คือเหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้งานสมาร์ทโฟนที่มีสมรรถนะสูงทั้งด้านความเร็วของชิป การถ่ายทำวีดีโอแบบมืออาชีพ หรือการเล่นเกมส์ที่ใช้ Graphic หนักๆ ก็ทำได้สบายมาก หรือการถ่ายภาพ การทำ content ที่ต้องเข้าไปในพื้นที่ต่างๆ และใช้เวลานานในการถ่ายทำ หรืองานที่ต้องจดบันทึกก็ถือว่ายอดเยี่ยม หากจะเรียกว่าครบสูตรในสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวก็ว่าได้
ข้อมูลรายละเอียดเฉพาะ(Specification)
- ระบบปฏิบัติการหรือ OS(Operating System)= Android 13 พร้อมกับ One UI 5.1
- ขนาดของเครื่อง = 163.4 x 78.1 x 8.9 มม.
- น้ำหนัก = 234 กรัม
- ขนาดของหน้าจอ = 6.8 นิ้ว ที่มีความละเอียด 3088 x 1440 pixel หน้าจอประเภท Dynamic AMOLED 2X อัตรารีเฟรชเรทปรับได้ระหว่าง 1-120Hz ใน Mode เกมส์มีอัตราการตอบสนองทัชสกรีน 240Hz มีความสว่างของหน้าจอสูงสุด 1750nits ครอบทับด้วยกระจกแบบ Gorilla Glass Victus 2
- Prosessor Chip = Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
- GPU = Adreno 740
- ขนาดของหน่วยความจำแบบชั่วคราว หรือ RAM = 8GB/12GB LPDDR5X
- ขนาดของหน่วยความจำแบบถาวรหรือพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน = 256GB / 512GB / 1TB (UFS 4.0)
- ระดับมาตรฐานการป้องกันน้ำและการป้องกันฝุ่น= IP68
- ระบบการเชื่อมต่อ = 5G SA/NSA, 4G VoLTE, Wi-Fi 6E 802.11ax (2.4/5GHz), Bluetooth 5.3, GPS + GLONASS และ NFC
- พอร์ตเชื่อมต่อ = USB Type-C 3.1
- ความจุแบตเตอรี่ = 5000mAh
- ระบบการชาร์จ = เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 45W (Vapor Cooling Chamber) และรองรับการชาร์จแบบไร้สายและชาร์จให้อุปกรณ์อื่น ( Qi wireless charging, Wireless PowerShare)