Posted on

ผลวิจัยใหม่ชี้ความเชื่อมโยงของการดื่มแอลกอฮอล์กับสุขภาพ รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมปรับแนวทางการบริโภค

การดื่มแอลกอฮอล์เป็นเรื่องปกติในสังคมผู้ใหญ่ชาวอเมริกัน แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจากการดื่มเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยผลวิจัยล่าสุดชี้ว่า แม้การดื่มในระดับปานกลางอาจมีประโยชน์ในบางด้าน แต่ก็มีความเสี่ยงที่ไม่อาจมองข้ามได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงแนวทางการบริโภคอาหารของชาวอเมริกันในปีนี้

การดื่มแอลกอฮอล์: ความเสี่ยงที่ไม่อาจมองข้าม

องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าไม่มีระดับการดื่มแอลกอฮอล์ใดที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ ปัจจุบัน แนวทางการบริโภคอาหารของกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ แนะนำว่า ผู้ชายควรดื่มไม่เกินวันละ 2 แก้ว และผู้หญิงไม่เกินวันละ 1 แก้ว อย่างไรก็ตาม แนวทางดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาทบทวนในปีนี้ เนื่องจากงานวิจัยสองฉบับล่าสุดได้เปิดเผยผลกระทบที่แตกต่างกันระหว่างความเสี่ยงและประโยชน์ของการดื่ม

จากการศึกษาพบว่า การดื่มในปริมาณต่ำถึงปานกลางอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจากนายแพทย์วิเวก เมอร์ธี ศัลยแพทย์ใหญ่ของสหรัฐฯ ที่ระบุว่า แอลกอฮอล์เป็นสาเหตุสำคัญของโรคมะเร็ง โดยมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ประมาณ 20,000 รายต่อปีในสหรัฐฯ และยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่คนส่วนใหญ่ไม่ทราบ

ความซับซ้อนในผลการวิจัย

รายงานจากสถาบันวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม และการแพทย์แห่งชาติของสหรัฐฯ เผยว่า การดื่มในระดับปานกลางอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมองได้ อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมโยงนี้ยังไม่ชัดเจนเนื่องจากความซับซ้อนของปัจจัยแวดล้อมและข้อมูลวิจัยที่แตกต่างกัน

ดร.เนด คาโลนจ์ หัวหน้าคณะกรรมการผู้เขียนรายงานดังกล่าว เตือนว่าการพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับการเสียชีวิตโดยรวม (all-cause mortality) อาจก่อให้เกิดความลำเอียงจากปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และยังชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการวิจัยเพิ่มเติม

คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

แม้ว่าการดื่มแอลกอฮอล์ในระดับปานกลางอาจมีประโยชน์ในบางกรณี แต่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าความเสี่ยงโดยรวมยังคงมีน้ำหนักมากกว่า ดร.อาห์เหม็ด ทาวาโคล แพทย์โรคหัวใจจากโรงพยาบาลแมสซาชูเซตส์เจเนอรัล กล่าวว่า หากเปรียบเทียบแอลกอฮอล์กับยา หากยาตัวหนึ่งลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้แต่เพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็ง ยาดังกล่าวจะไม่ได้รับการอนุมัติ

ดร.ทาวาโคลยังแนะนำว่าการออกกำลังกายเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากกว่าในการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ

สรุปแนวโน้มในอนาคต

แม้จะมีข้อมูลที่ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงและผลกระทบต่อสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ แต่ความคิดเห็นของประชาชนในสหรัฐฯ ยังคงแตกต่างกัน โดยประมาณ 4 ใน 10 คนระบุว่าตนไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลย ขณะที่ 1 ใน 8 คนเคยเข้าร่วมแคมเปญ “Dry January” เพื่อหยุดดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 1 เดือน

ด้วยข้อมูลเหล่านี้ แนวทางการบริโภคอาหารที่กำลังจะปรับปรุงใหม่ในปีนี้ อาจมีความซับซ้อนและครอบคลุมมากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของวิทยาศาสตร์และมุมมองของสังคม.