สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข เผยผลวิจัย ยาหรือสารสกัดจากฟ้าทะลายโจร ช่วยลดปอดอักเสบ-เชื้อโควิด 19 ไม่ได้ หากกินติดต่อกัน 5 วัน เสี่ยงตับพัง ไม่แนะนำให้จ่ายยากับผู้ป่วยอาการน้อย
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) เปิดผลวิจัยกรณีศึกษาชุดโครงการประสิทธิศักย์และความปลอดภัยของการใช้ยาหรือสารสกัดจากฟ้าทะลายโจร เพื่อพิสูจน์ประสิทธิผลในการป้องกันการอักเสบของปอด อาการข้างเคียง รวมถึงการลดปริมาณเชื้อในผู้ป่วยโควิด 19 ที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย ซึ่งทำการศึกษากลุ่มตัวอย่างใน 2 จังหวัด คือ จ.สระบุรี และ จ.ปราจีนบุรี ภายใต้กระบวนการวิจัยทางคลินิกที่เป็นตามมาตรฐานสากล ซึ่งจังหวัดสระบุรี มีผู้ป่วยเข้าโครงการวิจัย 396 คน และ จ.ปราจีนบุรี มีผู้ป่วยเข้าโครงการวิจัย 271 คน โดยจะมีวิธีการเก็บข้อมูลที่หมือนกัน แต่มีการใช้รูปแบบยาที่ต่างกัน แบ่งเป็น จ.สระบุรี ใช้สารสกัดฟ้าทะลายโจร ส่วน จ.ปราจีนบุรี ใช้ยาแคปซูลฟ้าทะลายโจร แม้ใน 2 พื้นที่จะมีขนาดในการใช้ยาที่แตกต่างกัน แต่จากการศึกษาปรากฏว่าได้ผลวิจัยเดียวกัน คือ ยาหรือสารสะกัดจากฟ้าทะลายโจร “ไม่สามารถ” ลดอัตราการเกิดปอดอักเสบ ลดอาการ หรือลดปริมาณของเชื้อไวรัสโควิด 19 ได้ เมื่อเทียบกับยาหลอก (สารที่มีลักษณะเหมือนยาจริง แต่ไม่มีตัวยาเป็นส่วนประกอบอยู่เลย)
และพบว่า เมื่อรับยาฟ้าทะลายโจรติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน จะเกิดผลแทรกซ้อนต่อการทำงานของตับ ซึ่งเป็นผลวิจัยที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ สามารถนำไปอ้างอิงและเป็นข้อควรระวังในการใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาผู้ป่วยโรคโควิดได้ต่อไปในอนาคตด้วย
ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้จ่ายยาที่เป็นสารสกัดจากฟ้าทะลายโจรให้ผู้ป่วยโควิดที่ไม่มีอาการ หรืออาการน้อย เพราะนอกจากไม่เกิดประโยชน์ต่อผู้ป่วยแล้ว ยังอาจส่งผลต่อการทำงานของตับอีกด้วย และถ้าประชาชนยังรับยาฟ้าทะลายโจรอยู่หรือรับประทานต่อเนื่อง ควรหยุดก่อนและเข้าไปพบแพทย์เพื่อประเมินอาการ
อ้างอิงข้อมูล : สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)