
การดื้อยาต้านจุลชีพ (Antimicrobial Resistance – AMR) เป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญด้านสาธารณสุขที่ส่งผลกระทบต่อระบบการรักษาทั่วโลก การเพิ่มขึ้นของเชื้อดื้อยาในโรงพยาบาลอาจทำให้การรักษามีประสิทธิภาพลดลง ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอัตราการเสียชีวิตสูงขึ้นและต้องใช้ทรัพยากรทางการแพทย์มากขึ้น งานวิจัยนี้วิเคราะห์แนวโน้มของการดื้อยาต้านจุลชีพในสหรัฐอเมริการะหว่างปี 2012 ถึง 2022 โดยศึกษาการเปลี่ยนแปลงของอัตราการติดเชื้อดื้อยา 6 ชนิด รวมถึงผลกระทบของการแพร่ระบาดของ COVID-19 ต่อการดื้อยาในโรงพยาบาล
แนวโน้มของการดื้อยาต้านจุลชีพ การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจากโรงพยาบาล 332-606 แห่งต่อปีระหว่างปี 2012 ถึง 2022 รวมถึงวิเคราะห์ตัวอย่างเชื้อ 7,158,139 รายการ พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อดื้อยาต่อ 10,000 รายที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลลดลงระหว่างปี 2012 ถึง 2016 แต่กลับเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีการระบาดของ COVID-19 โดยในปี 2022 พบว่ามีผู้ติดเชื้อดื้อยา 569,749 ราย (95% CI, 475,949-663,548) ซึ่งคิดเป็นอัตรา 179.6 รายต่อ 10,000 รายที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยแบ่งเป็นการติดเชื้อที่เกิดขึ้นในชุมชน (77%) และติดเชื้อในโรงพยาบาล (23%)
แนวโน้มของเชื้อดื้อยาที่สำคัญ การศึกษานี้วิเคราะห์เชื้อดื้อยาที่พบมากที่สุด 6 ชนิด ได้แก่:
- Methicillin-resistant Staphylococcus aureus (MRSA) – พบว่าอัตราการติดเชื้อในชุมชนลดลง แต่ในโรงพยาบาลกลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังปี 2019
- Vancomycin-resistant Enterococcus spp (VRE) – มีแนวโน้มลดลงในผู้ป่วยที่ติดเชื้อในชุมชน แต่เพิ่มขึ้นในโรงพยาบาลช่วงปี 2020-2021
- Extended-spectrum cephalosporin-resistant Escherichia coli และ Klebsiella spp (ESCR-EK) – อัตราการติดเชื้อในชุมชนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2012 ถึง 2022
- Carbapenem-resistant Enterobacterales (CRE) – มีการลดลงของ Klebsiella pneumoniae ดื้อยา แต่ Escherichia coli และ Enterobacter cloacae complex ยังคงมีอัตราสูง
- Carbapenem-resistant Acinetobacter spp (CRAsp) – มีแนวโน้มลดลงก่อนปี 2020 แต่กลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19
- Multidrug-resistant Pseudomonas aeruginosa (MDR P. aeruginosa) – มีแนวโน้มลดลงในชุมชน แต่เพิ่มขึ้นในโรงพยาบาล
ผลกระทบของ COVID-19 ต่อการดื้อยา การระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบอย่างมากต่ออัตราการติดเชื้อดื้อยา โดยเฉพาะการติดเชื้อที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของการดื้อยา ได้แก่:
- การเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยอาการรุนแรงในโรงพยาบาล
- การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างแพร่หลายเพื่อรักษาการติดเชื้อร่วมที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19
- การลดลงของมาตรการควบคุมการติดเชื้อ เช่น การแยกผู้ป่วยและการตรวจติดตามการใช้ยาปฏิชีวนะ
ข้อเสนอแนะและแนวทางป้องกัน แม้ว่าการดื้อยาจะมีแนวโน้มลดลงในบางช่วงเวลา แต่การแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ทำให้สถานการณ์การติดเชื้อดื้อยากลับมาน่าเป็นห่วงอีกครั้ง การดำเนินมาตรการป้องกันที่เข้มข้นขึ้นเป็นสิ่งจำเป็น โดยแนวทางที่แนะนำ ได้แก่:
- เสริมสร้างมาตรการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ – เพิ่มการเฝ้าระวังเชื้อดื้อยาในโรงพยาบาลและส่งเสริมให้บุคลากรทางการแพทย์ปฏิบัติตามแนวทางควบคุมการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด
- ปรับปรุงแนวทางการใช้ยาปฏิชีวนะ – ส่งเสริมการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุสมผล ลดการใช้ยาปฏิชีวนะที่ไม่จำเป็น
- พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในการตรวจจับเชื้อดื้อยา – การใช้การวินิจฉัยที่รวดเร็วสามารถช่วยให้แพทย์เลือกใช้ยาที่เหมาะสมได้เร็วขึ้น
- วิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับเชื้อดื้อยาในชุมชน – เนื่องจาก ESCR-EK มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในชุมชน จึงควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแพร่กระจายของเชื้อในประชากรทั่วไป
บทสรุป การดื้อยาต้านจุลชีพยังคงเป็นปัญหาสำคัญด้านสาธารณสุข แม้ว่าจะมีความก้าวหน้าในการลดอัตราการติดเชื้อดื้อยาในบางช่วงเวลา แต่การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้สถานการณ์การดื้อยากลับมาน่าเป็นห่วงอีกครั้ง งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนามาตรการป้องกันที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อลดอัตราการติดเชื้อดื้อยาในโรงพยาบาลและในชุมชน.
Reference: JAMA Network Open Journal.