
การใช้ปืนเพื่อป้องกันตัว (Defensive Gun Use หรือ DGU) เป็นหัวข้อที่ถูกหยิบยกขึ้นมาในหลายเวทีนโยบาย โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งสิทธิ์ในการครอบครองอาวุธปืนได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม การศึกษาล่าสุดพบว่า DGU เกิดขึ้นได้น้อยกว่าที่มักถูกกล่าวอ้าง และประเด็นเกี่ยวกับการใช้ปืนเพื่อป้องกันตัวอาจถูกตีความผิดพลาดได้เมื่อเปรียบเทียบกับการได้รับผลกระทบจากความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับปืน (Gun Violence Exposure หรือ GVE) บทความนี้จะวิเคราะห์ความถี่ของ DGU ลักษณะของผู้ที่มีแนวโน้มใช้ปืนเพื่อป้องกันตัว และผลกระทบที่ตามมาจากพฤติกรรมดังกล่าว
ความถี่ของการใช้ปืนเพื่อป้องกันตัว จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างผู้ใหญ่ 3,000 คนที่สามารถเข้าถึงอาวุธปืน พบว่า 91.7% ไม่เคยใช้ปืนเพื่อป้องกันตัวตลอดชีวิต ขณะที่ 8.3% รายงานว่าเคยใช้ปืนเพื่อป้องกันตัวในบางรูปแบบ โดยพฤติกรรมที่พบมากที่สุดคือการแสดงปืนให้ผู้คุกคามเห็น (4.7%) รองลงมาคือการแจ้งให้ผู้คุกคามทราบว่าตนเองมีปืน (3.8%) ส่วนพฤติกรรมที่รุนแรงขึ้น เช่น การยิงใกล้ผู้คุกคามหรือยิงตรงไปที่ผู้คุกคาม มีอัตราการเกิดที่ต่ำมาก (ต่ำกว่า 1%) ซึ่งชี้ให้เห็นว่า DGU เป็นปรากฏการณ์ที่พบได้น้อยเมื่อเทียบกับการได้รับผลกระทบจากความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับปืน
การได้รับผลกระทบจากความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับปืน ในทางตรงกันข้าม GVE เป็นปรากฏการณ์ที่แพร่หลายกว่ามาก โดยพบว่า 51.8% ของผู้ตอบแบบสอบถามเคยได้ยินเสียงปืนในละแวกบ้านของตน 34.4% เคยรู้จักบุคคลที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายด้วยอาวุธปืน และ 18.5% เคยถูกข่มขู่ด้วยปืน นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ที่เคยถูกยิงมาก่อนมีแนวโน้มสูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ ที่จะใช้ปืนป้องกันตัวในอนาคต ซึ่งบ่งชี้ถึงวงจรของความรุนแรงที่อาจถูกกระตุ้นโดยการเข้าถึงปืนและการรับรู้ถึงภัยคุกคาม
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการใช้ปืนเพื่อป้องกันตัว ปัจจัยหลักที่สัมพันธ์กับการใช้ปืนเพื่อป้องกันตัว ได้แก่:
- การได้รับผลกระทบจากความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับปืน – บุคคลที่เคยถูกข่มขู่หรือถูกยิงมีแนวโน้มที่จะใช้ปืนตอบโต้มากกว่าคนทั่วไป
- พฤติกรรมการพกพาและจัดเก็บปืน – ผู้ที่พกปืนเป็นประจำและเก็บปืนโดยไม่มีการล็อกหรือบรรจุกระสุนไว้มักจะมีแนวโน้มใช้ปืนเพื่อป้องกันตัวสูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ
- ปัจจัยทางประชากรศาสตร์ – แม้ว่าปัจจัยทางเพศและเชื้อชาติจะไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจน แต่ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะแสดงปืนให้ผู้คุกคามเห็นมากกว่าผู้หญิงเล็กน้อย
ผลกระทบและข้อเสนอแนะทางนโยบาย
- การพิจารณาความเสี่ยงของการพกพาและใช้ปืน – เนื่องจาก DGU พบได้น้อยและมีความสัมพันธ์กับการได้รับผลกระทบจากความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับปืนมากกว่า การมุ่งเน้นนโยบายไปที่การลดอัตราการเกิด GVE อาจมีประสิทธิภาพมากกว่า
- การส่งเสริมมาตรการรักษาความปลอดภัยของอาวุธปืน – การเก็บปืนในที่ปลอดภัยและลดการพกพาในที่สาธารณะอาจช่วยลดอัตราการเกิด DGU ที่ไม่จำเป็นและความรุนแรงที่เกี่ยวข้อง
- การปรับเปลี่ยนกรอบการสนทนานโยบาย – การใช้ปืนเพื่อป้องกันตัวมักถูกนำเสนอเป็นเหตุผลหลักในการสนับสนุนการเข้าถึงอาวุธปืนอย่างเสรี อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า DGU เกิดขึ้นน้อยมากเมื่อเทียบกับผลกระทบจาก GVE การกำหนดนโยบายเกี่ยวกับอาวุธปืนจึงควรคำนึงถึงบริบทที่กว้างขึ้นแทนที่จะเน้นที่การป้องกันตัวเพียงอย่างเดียว
บทสรุป การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าการใช้ปืนเพื่อป้องกันตัวเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยาก และมีแนวโน้มที่จะเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับปืนมากกว่าความจำเป็นในการป้องกันตัวจริง ๆ ดังนั้น นโยบายเกี่ยวกับอาวุธปืนควรเน้นไปที่การลดความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับปืนแทนที่จะเน้นการใช้ปืนเป็นเครื่องมือป้องกันตัว การสร้างมาตรการเพื่อส่งเสริมการจัดเก็บอาวุธที่ปลอดภัยและลดการพกพาปืนในที่สาธารณะอาจช่วยลดทั้งความเสี่ยงจากการใช้ปืนอย่างไม่เหมาะสมและลดโอกาสที่ประชาชนจะตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงจากปืนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น.
Reference: JAMA Network Open Journal.