
สำหรับผู้ชายสูงอายุที่มีปัญหาปัสสาวะติดขัดหรือบ่อยครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ แพทย์มักจะสั่งยาในกลุ่ม 5α-reductase inhibitors (5-ARIs) ซึ่งเป็นยารักษาอาการ ต่อมลูกหมากโต โดยตรง เช่น finasteride และ dutasteride อย่างไรก็ตาม งานวิจัยล่าสุดจากสหรัฐฯ พบว่า การใช้ยาเหล่านี้อาจทำให้มะเร็งต่อมลูกหมากถูกวินิจฉัยช้ากว่าปกติ และทำให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงเสียชีวิตจากมะเร็งเพิ่มขึ้น
ทำไมถึงเกิดความเสี่ยง?
ยากลุ่ม 5-ARI มีผลลดระดับสารที่เรียกว่า PSA (Prostate-Specific Antigen) ซึ่งใช้ตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยทั่วไปเมื่อระดับ PSA สูงผิดปกติ แพทย์จะตรวจเพิ่มเติมว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ แต่เมื่อยาไปลดระดับ PSA ลงถึง ครึ่งหนึ่งของค่าจริง จึงทำให้ดูเหมือนว่าไม่มีความเสี่ยง ทั้งที่ผู้ป่วยอาจเริ่มมีมะเร็งแล้ว
สรุปผลการศึกษา
งานวิจัยนี้วิเคราะห์ข้อมูลผู้ชายอเมริกันกว่า 30,000 คน ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากระหว่างปี 2008 – 2013 พบว่า:
- ผู้ที่ใช้ยา 5-ARI ก่อนพบโรค มีโอกาสพบมะเร็งใน ระยะที่รุนแรงกว่า เช่น เป็นชนิดลุกลามหรือกระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองมากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ใช้ยา
- ค่าตรวจ PSA (ที่คำนวณชดเชยแล้ว) ของผู้ใช้ยาสูงถึง 14.2 ng/mL เทียบกับ 6.6 ng/mL ในกลุ่มไม่ใช้ ซึ่งแสดงว่าโรคพัฒนาไปไกลก่อนที่จะถูกตรวจพบ
- กลุ่มที่ใช้ยา มีโอกาสเสียชีวิตจากมะเร็งต่อมลูกหมากสูงกว่าถึง 38% และมีความเสี่ยงเสียชีวิตจากทุกสาเหตุรวมกันเพิ่มขึ้น 15%
วิเคราะห์เชิงวิชาการ: ปัญหามาจากการตีความผลตรวจผิด
ข้อค้นพบนี้เน้นย้ำว่า แพทย์อาจ ตีความค่าตรวจ PSA ต่ำเกินจริงในผู้ที่ใช้ยา 5-ARI ส่งผลให้การวินิจฉัยโรคล่าช้า ผู้ป่วยจึงมักได้รับการรักษาเมื่อมะเร็งอยู่ในระยะลุกลามแล้ว แม้ว่ายาเหล่านี้จะมีประโยชน์ในการลดอาการของต่อมลูกหมากโต แต่ระบบสุขภาพจำเป็นต้องมี แนวทางเฉพาะ สำหรับการติดตามและตรวจวินิจฉัยผู้ที่ใช้ยาเหล่านี้ เช่น:
- ปรับค่า PSA ที่ตรวจได้ให้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เพื่อใช้ประเมินความเสี่ยง
- ใช้วิธีการตรวจเสริม เช่น การทำ MRI หรือการตรวจพันธุกรรม เพื่อความแม่นยำ
- ให้ความรู้กับแพทย์ทั่วไปเกี่ยวกับผลกระทบของยา 5-ARI ต่อการตรวจวินิจฉัย
ข้อจำกัดของการวิจัย
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้อาศัยข้อมูลจากระบบประกันสุขภาพ ซึ่งอาจมีข้อจำกัดในการรู้ว่าผู้ป่วยใช้ยาสม่ำเสมอหรือไม่ นอกจากนี้ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการรักษาหลังวินิจฉัยว่ามีผลต่อการเสียชีวิตหรือไม่
บทสรุป: ผู้ใช้ยา 5-ARI ควรได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิด
ผลการศึกษานี้ชี้ชัดว่า การใช้ยารักษาต่อมลูกหมากโตอาจนำไปสู่ความล่าช้าในการตรวจพบมะเร็งต่อมลูกหมาก และเพิ่มความเสี่ยงต่อชีวิต หากไม่มีการปรับแนวทางตรวจคัดกรองให้เหมาะสม ผู้ใช้ยาควรได้รับการตรวจอย่างรอบคอบ และควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับผลข้างเคียงระยะยาวของยาเหล่านี้
แหล่งอ้างอิง:
Kumar A, Nalawade V, Begenik N, et al. Association of Treatment With 5α-Reductase Inhibitors and Prostate Cancer Mortality Among Older Adults. JAMA Network Open. 2019;2(10):e1913612. doi:10.1001/jamanetworkopen.2019.13612