Posted on

ผลการศึกษาวิจัยเผยให้เห็นว่าวัวอาจกักเชื้อและแพร่เชื้อไข้หวัดนกสู่มนุษย์ได้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชน

มีผลการวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้ได้เผยให้เห็นอย่างน่าตกใจต่อโรคไข้หวัดนกที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ ที่บ่งชี้ว่าวัวสามารถติดเชื้อและอาจแพร่เชื้อไวรัส H5N1 สู่มนุษย์ได้ การค้นพบนี้ก่อให้เกิดกระแสที่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมนม และกระตุ้นให้เกิดความตื่นตัวและกระตุ้นความพยายามในการวิจัยอย่างเร่งด่วน

การทดสอบเพื่อวิจัยครั้งนี้เกิดขึ้นจากกรณีที่มีโรคเต้านมโคอักเสบเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติของโคนมในรัฐเท็กซัส โดยนมมีลักษณะผิดปกติซึ่งไม่สามารถอธิบายถึงสาเหตุได้ การทดสอบครั้งต่อมาพบว่ามีไวรัส H5N1 ในสัตว์ที่ได้รับผลกระทบสูงจากการติดเชื้อสูง ซึ่งส่งสัญญาณถึงพัฒนาการที่เกี่ยวข้องกับการแพร่กระจายของไข้หวัดนก

นักวิจัยจากสหรัฐอเมริกาและเดนมาร์กได้เจาะลึกถึงกลไกการติดเชื้อ โดยเปิดเผยการค้นพบที่น่าตกใจพบว่า วัวมีตัวรับไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่คล้ายคลึงกับที่พบในมนุษย์และนก การค้นพบนี้เพิ่มความเป็นไปได้ที่วัวจะเป็นแหล่งอาศัยของเชื้อไวรัสในการที่จะปรับตัวและมีการพัฒนาตัวเอง ซึ่งอาจนำไปสู่การแพร่เชื้อระหว่างสายพันธุ์เพิ่มมากขึ้น

ดร. ลาร์ส ลาร์เซน จากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน เน้นย้ำถึงความเข้มข้นของไวรัส H5N1 ในนมของวัวที่ติดเชื้อ ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ในการแพร่เชื้อ นอกจากนี้ การศึกษาที่ดำเนินการโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ยังพบร่องรอยของไวรัสในตัวอย่างนมที่ซื้อจากร้านขายของชำ ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพในการแพร่กระจายของไวรัสในวงกว้างเพิ่มมากขึ้น

การค้นพบนี้มีความหมายลึกซึ้ง โดยมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสาธารณสุขอย่างมีนัยสำคัญ นมและผลิตภัณฑ์จากนมติดอันดับหนึ่งในสินค้าเกษตรชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้สุขภาพของโคนมเป็นข้อกังวลที่สำคัญสำหรับทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมและผู้บริโภค

ผู้เชี่ยวชาญเตือนถึงความเป็นไปได้ในการแบ่งประเภทใหม่ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ไวรัสไข้หวัดใหญ่แลกเปลี่ยนสารพันธุกรรม และอาจสร้างสายพันธุ์ลูกผสมที่สามารถก่อให้เกิดการระบาดใหญ่ขึ้นได้ แม้ว่าความเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชนในปัจจุบันถือว่าต่ำ แต่การเกิดขึ้นของ H5N1 ในโคนมก็ได้ตอกย้ำถึงความจำเป็นในการเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันมากยิ่งขึ้น