Posted on

ทรัมป์สั่งห้ามพลเมือง 12 ประเทศเข้าสหรัฐฯ ชี้เหตุผลด้านความมั่นคง – นักวิจารณ์ชี้เป็นการกีดกันทางเชื้อชาติ

วอชิงตัน ดี.ซี. — ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกคำสั่งห้ามพลเมืองจาก 12 ประเทศเดินทางเข้าสหรัฐฯ และจำกัดการเข้าประเทศของพลเมืองจากอีก 7 ประเทศ โดยอ้างเหตุผลด้าน “ความมั่นคงแห่งชาติ” ซึ่งถือเป็นการรื้อฟื้นนโยบายห้ามเดินทาง (travel ban) สมัยแรกในตำแหน่ง พร้อมขยายขอบเขตอย่างมีนัยสำคัญ โดยประเทศที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในแอฟริกาและตะวันออกกลาง

รายชื่อประเทศที่ถูกแบนและจำกัด

คำสั่งนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน 2568 เวลา 00:01 น. (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ) และไม่มีการกำหนดวันสิ้นสุด โดยประเทศที่พลเมืองถูกห้ามเข้าประเทศโดยสิ้นเชิง ได้แก่:

  • อัฟกานิสถาน
  • เมียนมา
  • ชาด
  • สาธารณรัฐคองโก
  • อิเควทอเรียลกินี
  • เอริเทรีย
  • เฮติ
  • อิหร่าน
  • ลิเบีย
  • โซมาเลีย
  • ซูดาน
  • เยเมน

ขณะที่พลเมืองจากอีก 7 ประเทศ ได้แก่ บุรุนดี, คิวบา, ลาว, เซียร์ราลีโอน, โตโก, เติร์กเมนิสถาน และเวเนซุเอลา จะถูกจำกัดการเข้าประเทศหากไม่มีวีซ่าถูกต้อง

เหตุผลและข้อยกเว้น

รัฐบาลทรัมป์ให้เหตุผลว่าคำสั่งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา โดยระบุว่าเป็นมาตรการเพื่อป้องกัน “ผู้ไม่ประสงค์ดี” ซึ่งอาจก่อการร้าย หรือใช้นโยบายตรวจคนเข้าเมืองเพื่อวัตถุประสงค์ที่เป็นภัยต่อสหรัฐฯ

แม้ว่าคำสั่งจะเข้มงวด แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับบางกลุ่ม เช่น:

  • ผู้ถือกรีนการ์ดหรือสัญชาติคู่
  • นักกีฬาที่เดินทางร่วมการแข่งขันระดับโลก
  • ผู้อพยพชาวอัฟกันที่เคยทำงานให้รัฐบาลสหรัฐฯ
  • นักการทูต เจ้าหน้าที่รัฐจากต่างประเทศ และตัวแทนองค์การระหว่างประเทศ
  • เด็กที่ถูกรับเลี้ยงโดยพลเมืองอเมริกัน
  • ผู้ที่ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยก่อนคำสั่งมีผล

ความแตกต่างจากคำสั่งปี 2017

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทรัมป์ใช้มาตรการห้ามเดินทาง โดยในปี 2017 เขาเคยออกคำสั่งแบนประเทศมุสลิม 7 แห่ง ซึ่งภายหลังถูกปรับปรุงหลายครั้งก่อนที่ศาลสูงสุดจะรับรองฉบับหนึ่งในปี 2018 อย่างไรก็ตาม คำสั่งล่าสุดนี้มีขอบเขตที่กว้างขึ้นและพุ่งเป้าไปยังกลุ่มประเทศที่หลากหลายมากขึ้น

คำสั่งใหม่นี้ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของทรัมป์ในการใช้คำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อจำกัดการเข้าเมืองและกำหนดแนวทางนโยบายต่างประเทศ แม้จะถูกวิจารณ์ว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ แต่ก็นับว่ามีผลกระทบเชิงนโยบายอย่างเป็นรูปธรรมในวงกว้าง.

แหล่งอ้างอิง :

  1. กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ (U.S. Department of State)
    ในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2025 โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ยืนยันว่าประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งห้ามพลเมืองจาก 12 ประเทศเข้าสหรัฐฯ โดยมีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนอเมริกัน
  2. บริการสัญชาติและตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ (U.S. Citizenship and Immigration Services – USCIS)
    USCIS ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะการคุ้มครองชั่วคราว (Temporary Protected Status – TPS) ซึ่งมีการยุติสถานะ TPS สำหรับอัฟกานิสถานเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2025 โดยมีผลบังคับใช้ 60 วันหลังจากประกาศใน Federal Register
  3. กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (U.S. Department of Justice)
    ในรายงานของอัยการพิเศษ (Special Counsel) ที่เผยแพร่เมื่อเดือนมกราคม 2025 มีการกล่าวถึงการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการตรวจคนเข้าเมืองของรัฐบาลทรัมป์