
งานวิจัยล่าสุดที่นำเสนอในการประชุมสมาคมมะเร็งวิทยาคลินิกแห่งสหรัฐอเมริกา (ASCO) เปิดเผยแนวทางใหม่ในการรักษาและป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตจากมะเร็งอันดับสองในสหรัฐอเมริกา โดยปีนี้คาดว่าจะมีผู้ป่วยใหม่กว่า 150,000 ราย และเสียชีวิตเกือบ 53,000 ราย
📌 1. การออกกำลังกายลดความเสี่ยงมะเร็งกลับมาใหม่
งานวิจัยที่เผยแพร่ใน New England Journal of Medicine ติดตามผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่เกือบ 900 ราย หลังรับเคมีบำบัด พบว่า:
- กลุ่มที่ได้รับคำปรึกษาด้านการออกกำลังกาย มีอัตรารอดพ้นโรค 5 ปีสูงถึง 80%
- เทียบกับกลุ่มที่ได้รับแค่เอกสารแนะนำ ซึ่งมีอัตรารอด 74%
- ลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำหรือตรวจพบมะเร็งใหม่ลง 28%
- หรือป้องกันได้ 1 คนในทุก 16 คนที่ป่วย
ดร.คริสโตเฟอร์ บูธ ผู้ร่วมวิจัยกล่าวว่า “ประโยชน์จากการออกกำลังกายใกล้เคียงหรือเหนือกว่าการรักษาด้วยยาราคาแพงบางตัว”
🍵 2. อาหารต้านอักเสบช่วยยืดชีวิตผู้ป่วยระยะที่ 3
อีกงานวิจัยหนึ่งพบว่า:
- ผู้ที่รับประทานอาหารต้านการอักเสบ (ผักใบเขียว ชา กาแฟ) และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- มีความเสี่ยงเสียชีวิตลดลงถึง 63% เมื่อเทียบกับผู้ที่กินอาหารอักเสบสูง (เนื้อแดง แป้งขัดขาว น้ำตาล) และไม่ค่อยออกกำลังกาย
ดร.ซารา ชาร์ ผู้นำการวิจัยกล่าวว่า การอักเสบอาจเป็น “กุญแจสำคัญ” ที่เชื่อมโยงพฤติกรรมการกินกับการเกิดมะเร็งในคนอายุน้อย ซึ่งแนวโน้มพบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
💊 3. ยาใหม่จาก Pfizer ช่วยผู้ป่วยระยะลุกลาม
Pfizer นำเสนอข้อมูลยา Braftovi ซึ่งใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดและแอนติบอดี โดยสามารถ:
- เพิ่มระยะเวลาการมีชีวิตอยู่จากเฉลี่ย 15 เดือนเป็น 30 เดือน
- เหมาะกับผู้ป่วยที่มีการกลายพันธุ์ของยีนเฉพาะ ซึ่งตรวจพบได้ง่าย
Pfizer เตรียมยื่นขออนุมัติขยายการใช้ยานี้จากองค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA)
🔍 บทสรุป: รูปแบบการใช้ชีวิตมีผลต่อผลลัพธ์การรักษา
ทั้งสามงานวิจัยชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องพึ่งแค่ยา แต่ พฤติกรรมสุขภาพ เช่น การออกกำลังกายและโภชนาการ เป็น “แนวทางที่ทำได้จริงและยั่งยืน”
แหล่งอ้างอิง:
- American Society of Clinical Oncology (ASCO), June 2025
- New England Journal of Medicine