Posted on

ความสมบูรณ์แบบที่เป็นภัยต่อสุขภาพ และ 5 วิธีปลดปล่อยตัวเอง

ในช่วงต้นปี หลายคนตั้งเป้าหมายใหม่เพื่อปรับปรุงตัวเองและสุขภาพ แต่บางครั้งการพยายามทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบกลับเป็นภาระที่หนักหน่วงต่อจิตใจและร่างกายของเรา ดร.เอลเลน เฮนดริกเซน นักจิตวิทยาคลินิกแห่งศูนย์ความวิตกกังวลและความผิดปกติที่เกี่ยวข้อง มหาวิทยาลัยบอสตัน ได้แชร์มุมมองเกี่ยวกับความสมบูรณ์แบบและผลกระทบต่อสุขภาพ พร้อมแนะนำวิธีคลายความกดดันจากการเป็นคนที่ต้องการความสมบูรณ์แบบอยู่เสมอ

ความสมบูรณ์แบบและผลกระทบต่อสุขภาพ

ดร.เอลเลน กล่าวว่า คนที่มีความสมบูรณ์แบบไม่ได้มองตัวเองว่าเป็นเช่นนั้น แต่กลับรู้สึกว่าตนเองล้มเหลว ไม่ก้าวหน้า และไม่สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีพอ ความสมบูรณ์แบบไม่ใช่เพียงการตั้งมาตรฐานสูง แต่เป็นการรู้สึกว่าไม่เคยเพียงพอในสิ่งที่ตัวเองทำ ซึ่งสามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น โรคซึมเศร้า โรคย้ำคิดย้ำทำ และความผิดปกติด้านการกิน รวมถึงผลกระทบทางกายภาพ เช่น โรคกระเพาะอาหารเรื้อรัง หรืออาการเจ็บป่วยจากการใช้งานร่างกายมากเกินไป

5 วิธีคลายความกดดันจากความสมบูรณ์แบบ

  1. อย่าผูกคุณค่าของตัวเองกับความสำเร็จ ความสำเร็จไม่ได้กำหนดคุณค่าในตัวคุณ เราคือความสัมพันธ์ ความสนใจ และคุณค่าที่เรามีต่อชีวิต อย่าประเมินค่าตัวเองจากผลลัพธ์ของงานเพียงอย่างเดียว
  2. ลดเสียงวิจารณ์ในใจ ความคิดเชิงลบในใจเราไม่ใช่ข้อเท็จจริง แต่เป็นเพียงความคิด ลองฟังเสียงวิจารณ์ในใจเหมือนเพลงที่เปิดเบา ๆ ในร้านกาแฟ คุณไม่จำเป็นต้องสนใจหรือปล่อยให้มันควบคุมคุณ
  3. ฝึกความเมตตาต่อตัวเอง การมีความเมตตาต่อตัวเองไม่จำเป็นต้องซับซ้อน อาจเป็นเพียงคำพูดที่ปลอบโยน การหายใจลึก ๆ หรือการอนุญาตให้ตัวเองพักผ่อน เช่น นอนหลับเพิ่มอีกชั่วโมง หรือใช้เวลาจิบกาแฟอย่างสงบ
  4. กล้าปล่อยให้ตัวเองไม่ทำอะไรเลย การพัฒนาตัวเองเป็นสิ่งที่ดี แต่บางครั้งการหยุดพักและทำสิ่งที่คุณรักโดยไม่มีเป้าหมายชัดเจน เช่น อ่านหนังสือแนวโรแมนติกคอเมดี้ ดูภาพยนตร์สนุก ๆ หรือร้องเพลงให้แมวฟัง ก็เป็นสิ่งที่เติมเต็มจิตใจ
  5. มุ่งเน้นที่การทำงาน ไม่ใช่ตัวตน ความไม่สมบูรณ์แบบไม่จำเป็นต้องลดมาตรฐาน แต่ให้มองงานเป็นหลัก ไม่ใช่ตัวตนของเรา ลองถามตัวเองว่า “สิ่งนี้จะทำให้ผลงานดีขึ้นได้อย่างไร?” แทนที่จะตัดสินตัวเองจากงานชิ้นนั้น

สรุป

การปลดปล่อยตัวเองจากความสมบูรณ์แบบไม่ใช่การละทิ้งเป้าหมายหรือมาตรฐาน แต่เป็นการเรียนรู้ที่จะผ่อนคลายและปรับมุมมองต่อความสำเร็จ การใส่ใจในสุขภาพจิตและร่างกายจะช่วยให้เราดำเนินชีวิตอย่างสมดุลและมีความสุขมากขึ้น