
(ภาพประกอบ)
งานวิจัยล่าสุดจากวารสาร JAMA Network Open ระบุว่าผู้หญิงที่มีประวัติเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (gestational diabetes; GD) และมีพฤติกรรมนอนน้อย (≤6 ชั่วโมง/วัน) หรือมีอาการกรนเป็นประจำ มีความเสี่ยงสูงขึ้นในการพัฒนาเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 (type 2 diabetes; T2D) ในระยะยาว อีกทั้งยังมีค่าชี้วัดการเผาผลาญกลูโคสที่แย่ลง
ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ใน “การนอน”
การนอนหลับเป็นปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์ที่มักถูกมองข้าม แต่ในงานวิจัยชิ้นใหญ่นี้ที่ติดตามพยาบาลหญิงจำนวน 2,891 คนในโครงการ Nurses’ Health Study II เป็นระยะเวลาเฉลี่ย 17.3 ปี พบว่า:
- ผู้หญิงที่นอน ≤6 ชั่วโมงต่อวัน มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 32% ที่จะเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 เทียบกับกลุ่มที่นอน 7-8 ชั่วโมง
- ผู้หญิงที่กรน “เป็นบางครั้ง” และ “เป็นประจำ” มีความเสี่ยงสูงขึ้น 54% และ 61% ตามลำดับ
- กลุ่มที่มีทั้งการนอนน้อยและกรนเป็นประจำ มีความเสี่ยงมากกว่ากลุ่มอ้างอิงถึง 2 เท่า (HR = 2.06; 95% CI, 1.38-3.07)
ชี้ชัดถึงกลไก: จากเสียงกรนสู่การดื้อต่ออินซูลิน
งานวิจัยยังตรวจวัดระดับสารชีวเคมี ได้แก่ HbA1c (น้ำตาลสะสม), อินซูลิน และ C-peptide ในเลือด ซึ่งสะท้อนประสิทธิภาพของการควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย พบว่า:
- ผู้ที่กรนบ่อยมี ระดับ HbA1c สูงขึ้น (เฉลี่ย 5.89% เทียบกับ 5.78% ในผู้ที่ไม่กรน)
- มีระดับอินซูลินและ C-peptide สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แสดงถึง ภาวะดื้อต่ออินซูลิน และกลไกการเผาผลาญกลูโคสที่เสื่อมถอย
แม้การนอนน้อยเพียงอย่างเดียวไม่ได้แสดงผลชัดเจนต่อสารชีวเคมีเหล่านี้ แต่เมื่อนำมาพิจารณาร่วมกับการกรน กลุ่มเสี่ยงสูงจะมีค่าเมตาบอลิกที่แย่ลงอย่างชัดเจน
ทำไมผลการวิจัยนี้สำคัญ?
ผู้หญิงที่เคยเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์มีแนวโน้มสูงมากที่จะเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคต โดยข้อมูลก่อนหน้านี้ชี้ว่า 35-60% ของผู้หญิงกลุ่มนี้จะพัฒนาเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ภายใน 10 ปีหลังคลอด การระบุปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนได้ เช่น การนอน จึงเป็นหัวใจสำคัญของการป้องกัน
นอกจากนี้ แนวทางการจัดการเบาหวานในปัจจุบันจากสมาคมเบาหวานแห่งอเมริกา (ADA) และสมาคมยุโรปฯ ได้เริ่มให้ความสำคัญกับ “สุขภาพการนอน” เทียบเท่ากับโภชนาการและการออกกำลังกาย
บทสรุป: นอนดี ช่วยชะลอเบาหวาน
งานวิจัยนี้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า การนอนหลับอย่างมีคุณภาพเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันเบาหวานชนิดที่ 2 โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่เคยเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ หากคุณหรือคนใกล้ตัวอยู่ในกลุ่มนี้:
✅ พยายามนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
✅ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้เกิดการกรน เช่น น้ำหนักเกิน ดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอน
✅ หมั่นตรวจสุขภาพ และติดตามระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ
แหล่งอ้างอิง:
Wang, Y., et al. (2024). Sleep Characteristics and Long-Term Risk of Type 2 Diabetes Among Women With Gestational Diabetes. JAMA Network Open. https://doi.org/10.1001/jamanetworkopen.2024.12345 (ตัวอย่าง DOI)