
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างแคนาดากับสหรัฐฯ ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสังคมในแคนาดา ภาษีศุลกากรที่โดนตั้งขึ้นโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีเป้าหมายในการเก็บภาษีสินค้าจากแคนาดาโดยเฉพาะ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศที่มีมายาวนานเกิดการตึงเครียด และยังส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นของชาตินิยมในแคนาดา รวมถึงมีผลกระทบต่อทิศทางทางการเมืองของประเทศ บทความนี้จะวิเคราะห์ผลกระทบของภาษีศุลกากรที่ทรัมป์กำหนดในแคนาดาต่อความคิดเห็นของสาธารณชน การเมืองในประเทศ และการเกิดขึ้นของความรู้สึกชาตินิยมที่มีพลังในหมู่ชาวแคนาดา
สงครามภาษี: ผลกระทบทางเศรษฐกิจและอารมณ์
ภาษีศุลกากรที่เริ่มใช้จริงในช่วงปลายเดือนมกราคม ถูกนำเสนอโดยทรัมป์ว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ซึ่งเขาอ้างว่าได้รับผลกระทบจากการค้าที่ไม่เป็นธรรม การตั้งภาษี 25% ต่อสินค้าจากแคนาดาเกือบทั้งหมดได้สร้างความตกใจให้กับตลาดแคนาดา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเกษตรกรรม ยานยนต์ และการผลิต ซึ่งต่างพึ่งพาการค้ากับสหรัฐฯ มาอย่างยาวนาน ทันทีที่มีการกำหนดภาษีนี้ รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดจึงตอบโต้ด้วยการกำหนดภาษีที่ตรงกันต่อสินค้าจากสหรัฐฯ ซึ่งทำให้สถานการณ์ยิ่งตึงเครียดขึ้น
สำหรับชาวแคนาดาหลายคน การกำหนดภาษีเหล่านี้รู้สึกเหมือนการโจมตีโดยไม่มีเหตุผล นอกจากจะเป็นการตัดสินใจทางเศรษฐกิจแล้ว มันยังสะท้อนถึงความรู้สึกโกรธและความรู้สึกที่ถูกหักหลัง ซึ่งเป็นอารมณ์ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นในประเทศที่รู้จักกันดีในด้านความสุภาพและท่าทีทางการทูต ความสัมพันธ์ที่เคยเป็นหุ้นส่วนทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างแคนาดากับสหรัฐฯ จู่ๆ ก็รู้สึกตึงเครียดและเต็มไปด้วยความขัดแย้ง
การเปลี่ยนแปลงในอัตลักษณ์ของชาติ
หนึ่งในผลลัพธ์ที่โดดเด่นจากการขัดแย้งทางการค้าครั้งนี้คือการเปลี่ยนแปลงในอัตลักษณ์ของชาติเคานาดา โดยทั่วไปแล้ว ชาตินิยมแคนาดามักจะค่อนข้างเงียบสงบเมื่อเทียบกับความภาคภูมิใจในชาติที่เด่นชัดของสหรัฐฯ แต่การกระทำของทรัมป์ได้กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกชาตินิยมที่เพิ่มขึ้นในแคนาดา ผู้คนทั่วประเทศเริ่มหันมาสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในแคนาดามากขึ้นและลดการพึ่งพาสินค้าจากสหรัฐฯ การตัดสินใจนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นการยืนยันความเป็นเอกราชและอธิปไตยของแคนาดาในสภาพแวดล้อมที่ถูกรุกรานจากการเมืองต่างประเทศ
นอกจากนี้ ธงชาติแคนาดาซึ่งในอดีตอาจถูกมองว่าเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีการแบ่งแยก เช่น การประท้วง “Freedom Convoy” ในปี 2022 ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความภาคภูมิใจและการต่อต้านทรัมป์ การขายธงชาติแคนาดาเพิ่มขึ้นอย่างมาก สะท้อนถึงการฟื้นคืนความรู้สึกของชาติและการต่อต้านการรุกรานจากภายนอก ดังที่ David Coletto ซีอีโอของ Abacus Data กล่าวไว้ การขัดแย้งนี้ได้เปลี่ยนมุมมองของประชาชนเกี่ยวกับทิศทางของประเทศ โดยมีการเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในจำนวนคนที่เชื่อว่าแคนาดากำลังไปในทิศทางที่ถูกต้อง
ผลกระทบทางการเมือง: การฟื้นคืนความนิยมของพรรคเสรีนิยม
การโจมตีทางเศรษฐกิจจากทรัมป์ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสังคมแคนาดา แต่ยังมีผลกระทบที่สำคัญทางการเมืองอีกด้วย ก่อนหน้านี้ในปี 2024 ความนิยมของนายกรัฐมนตรีทรูโดตกต่ำลงและมีเสียงเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงผู้นำ แต่การกระทำของทรัมป์ดูเหมือนจะทำให้พรรคเสรีนิยมกลับมาได้รับการสนับสนุนอีกครั้ง ด้วยการเลือกตั้งทั่วไปที่ใกล้จะมาถึง การตึงเครียดจากการตั้งภาษีทำให้ประชาชนเริ่มเห็นความสำคัญของการมีผู้นำที่สามารถรับมือกับการคุกคามจากสหรัฐฯ ได้
ผู้นำฝ่ายค้านอย่าง ปิแอร์ ปัวลีฟร์จากพรรคอนุรักษ์นิยมก็ต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการสื่อสารของเขา เขาเริ่มหันมาเน้นข้อความของ “ชาติแคนาดา” โดยพยายามแยกตัวเองออกจากทรัมป์และหันไปเน้นการประชาสัมพันธ์ที่เรียกร้องให้ชาวแคนาดาภาคภูมิใจในชาติของตนเอง แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองดังกล่าว การสนับสนุนจากประชาชนต่อพรรคเสรีนิยมดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นจากการตอบโต้การกระทำของทรัมป์
การเพิ่มขึ้นของขบวนการภาคประชาชน
ความโกรธที่เกิดขึ้นจากการตั้งภาษีของทรัมป์ยังส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นของขบวนการภาคประชาชนที่สนับสนุนธุรกิจแคนาดา แพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Made in Canada ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากชาวแคนาดามองหาผลิตภัณฑ์ในประเทศแทนที่จะพึ่งพาสินค้าจากสหรัฐฯ บุคคลอย่าง Dylan Lobo ผู้ดูแลเว็บไซต์ดังกล่าวกล่าวว่า การตอบสนองจากชุมชนในช่วงเวลานี้นั้นยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
นอกจากนี้ บุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น ไมค์ ไมเยอร์ส นักแสดงชาวแคนาดา ได้ใช้โอกาสในรายการ “Saturday Night Live” เพื่อสวมเสื้อยืดที่เขียนว่า “Canada is not for sale” และเสริมความหมายให้กับความรู้สึกชาตินิยมที่เพิ่มขึ้นในแคนาดา
บทสรุป: บทใหม่ในความสัมพันธ์แคนาดา-สหรัฐฯ
สรุปแล้ว การตั้งภาษีศุลกากรของทรัมป์ไม่เพียงแต่มีผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่ยังส่งผลถึงอัตลักษณ์ชาติและการเมืองของแคนาดาอย่างลึกซึ้ง สิ่งที่เริ่มต้นจากการขัดแย้งทางเศรษฐกิจได้กลายเป็นการรวมตัวของชาวแคนาดาที่พร้อมจะยืนหยัดปกป้องประเทศของตนเอง การตอบสนองของแคนาดาต่อการกระทำของทรัมป์ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยที่พรรคเสรีนิยมได้รับการสนับสนุนที่เพิ่มขึ้น และพรรคฝ่ายค้านต้องปรับกลยุทธ์ทางการเมืองใหม่
สิ่งที่ชัดเจนคือ ความสัมพันธ์ระหว่างแคนาดากับสหรัฐฯ จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ความโกรธและความรู้สึกที่ถูกหักหลังจากภาษีของทรัมป์จะไม่หายไปในเร็วๆ นี้ และเมื่อประเทศเข้าสู่การเลือกตั้งทั่วไปในอนาคต ผลกระทบจากภาษีศุลกากรจะเป็นปัจจัยที่สำคัญในการตัดสินใจของประชาชน ชาวแคนาดาได้แสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเขาพร้อมที่จะยืนหยัดเพื่อประเทศของตน และคำว่า “Elbows up” ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อเอกราชของแคนาดา.
Reference : Coohfey.com